แม้ว่ายุคนี้ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก จะใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก แต่กับการใช้งานที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ ความเสถียรที่วางใจได้ ความปลอดภัยที่รัดกุม และรองรับการอัปเกรดในอนาคต ก็ยังไม่สามารถมาแทนที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะประเภท “เวิร์กสเตชัน (Workstation)” ได้อยู่ดี และหนึ่งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมาเกือบสองทศวรรษ ThinkStation จาก Lenovo ก็มีการเปิดตัวเวิร์กสเตชันรุ่นใหม่ออกมาในชื่อ ThinkStation P2 Tower ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพระดับไฮเอ็น (Hi-end) โดยบทความนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ 5 จุดเด่นของ Thinkstation P2 Tower ที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ เช่น วิศวกร ดีไซเนอร์ นักวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงนักเรียนนักศึกษา
ประสิทธิภาพและความเสถียรระดับสูง
ThinkStation P2 Tower มีสเปกที่แตกต่างจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป โดยมีสเปกให้เลือกสูงสุดเป็นโปรเซสเซอร์ตัวท็อปรุ่นใหม่ อย่าง Intel® Core™ i9 Generation 14th กับแกนประมวลผลมากถึง 24 คอร์ (Cores) พร้อมรองรับมาตรฐาน Intel vPro® แพลตฟอร์มที่ออกแบบเพื่อการใช้งานในองค์กรและภาคธุรกิจโดยเฉพาะ ซึ่งกว่าจะผ่านมาตรฐานนี้จะมีการทดสอบหลายด้านเพื่อมั่นใจว่าเครื่องนั้น ๆ จะมีประสิทธิภาพ ความเสถียร และความปลอดภัยในระดับสูงสุด
ส่วนของแรมก็มีให้เลือกแบบ ECC (Error correction code memory) ที่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ทำให้ได้การประมวลผลข้อมูลที่เที่ยงตรง ด้านกราฟิกการ์ดแยก (dGPU) ก็จะเป็น NVIDIA RTX A2000 กับแรมในตัว 12GB และ RTX 4070 กับแรม 12 GB ที่ประมวลผลด้านกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งโปรเซสเซอร์และกราฟิกการ์ดที่อยู่ใน ThinkStation P2 Tower จะให้ประสิทธิภาพในระดับไฮเอ็นสูงพอที่จะตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน รวมถึงการใช้งานเฉพาะทาง และมีความเสถียรจากแพลตฟอร์ม Intel vPro® อีกด้วย หรือถ้าต้องการสเปกแบบเฉพาะเจาะจงก็สามารถเลือกปรับแต่งได้บนหน้าเว็บไซต์
รองรับการใช้งานทุกซอฟต์แวร์ (ISVs Certified)
ปกติแล้วในแต่ละสายงานมักจะมีซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่ต้องใช้แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละประเภทก็ต้องการสเปกของฮาร์ดแวร์ไม่เหมือนกัน หากไม่ใช้สเปกตามที่กำหนด อาจทำให้เกิดปัญหาในการใช้งานหรือใช้ฟังก์ชันได้ไม่ครบ ซึ่ง ThinkStation P2 Tower ที่เป็นเวิร์กสเตชันสำหรับทำงานระดับมืออาชีพ จึงมี Independent Software Vendors (ISVs) หรือใบรับรองการทดสอบ (Certified) จากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ว่ารองรับการใช้งานในฟังก์ชันต่าง ๆ และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ Adobe, AutoCAD, Autodesk, Bentley, Dassault Systèmes, SOLIDWORKS และอื่น ๆ บนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows หรือ Linux
ความปลอดภัยรัดกุมในระดับองค์กร
เรื่องความปลอดภัยเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการใช้งานระดับมืออาชีพ รวมถึงการใช้งานในองค์กร เพราะคงไม่มีใครอยากทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ภายในเครื่องหลุดออกไป หรือเสียหายอย่างแน่นอน ซึ่ง ThinkStation P2 Tower ก็ให้ความสำคัญมากในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งมี ThinkShield ระบบป้องกันทั้งส่วนของฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์ (Software) เช่น Trusted Platform Module (TPM) 2.0 ที่เป็นชิปในแผงวงจรสำหรับเก็บและเข้ารหัสภายในเครื่อง เช่น การเข้ารหัสด้วย BitLocker, ข้อมูลชีวมาตรสำหรับยืนยันตัวตนบน Windows Hello, การแก้ปัญหาความผิดพลาดของระบบไบออส (BIOS) ก็มีระบบตรวจเช็กและฟื้นฟูเมื่อเกิดความเสียหายได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมี Kensington Security Slot™ ช่องล็อกภายนอกเพื่อป้องกันการสลับเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ รวมถึงป้องกันการขโมยอุปกรณ์ เป็นต้น
ออกแบบทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ThinkStation P2 Tower มีการออกแบบดีไซน์ที่ดูทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงในการระบายความร้อน โดยฝาหน้าจะมีช่องให้อากาศไหลเข้าได้อย่างสะดวก ส่วนขนาดตัวเครื่องเองก็มีขนาดปกติแบบ Tower สามารถวางบนโต๊ะ หรือใต้โต๊ะได้โดยที่ไม่ได้กินพื้นที่ใช้สอยมากนัก นอกจากนี้ยังมีช่องเชื่อมต่อหรือพอร์ต (Port) ที่ครบครันทั้งการใช้งานกับอุปกรณ์พิเศษ รวมถึงเครื่องจักรต่าง ๆ
ด้านสิ่งแวดล้อมเองก็มีการให้ความสำคัญเหมือนกัน โดยฝาหน้าของ ThinkStation P2 Tower ทำจาก PCR (Post-consumer recycled) หรือพลาสติกที่ใช้แล้วนำมารีไซเคิลในสัดส่วนที่สูงถึง 95% ส่วนวัสดุสิ้นเปลืองอย่างกล่องใส่โปรดักต์ ทำจากกระดาษลังรีไซเคิล 90% ที่ผ่านการรับรองจาก Forest Stewardship Council (FSC) องค์การพิทักษ์ป่าไม้ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ส่วนโฟมกันกระแทก (EPE) ก็มาจากวัสดุรีไซเคิลถึง 90% นอกจากนี้ยังผ่านมาตรฐานประหยัดพลังงาน ENERGY STAR 8.0 รวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์มาตรฐานการรับรองระดับโลกทั้งจาก EPEAT Gold และ TCO Certified Generation 9 อีกด้วย
การประกันและบริการหลังการขายแบบพรีเมียม
จุดเด่นสุดท้ายของ ThinkStation P2 Tower คือการรับประกันที่ครอบคลุม รวมถึงบริการหลังการขายที่รวดเร็วและตอบโจทย์การใช้งานในองค์กร โดยประกันของ ThinkStation P2 Tower จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประกันทั่วไป (Base Warranty) 1 ปี แบบซ่อมให้ถึงที่ (Onsite Service) ซึ่งสามารถอัปเกรดเพิ่มระยะเวลาได้ นอกจากนี้ยังมี Premier Support Plus บริการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยแก้ปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง และมีการซ่อมแบบเร่งด่วนภายในวันถัดไป อีกทั้งยังมีการเอา AI มาคาดการณ์ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตและแจ้งปัญหาให้แบบอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้ทำให้การแก้ปัญหาและบริการหลังการขายทำได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
และทั้งหมดนี้คือ 5 ปัจจัยที่ช่วยตอบว่าทำไม ThinkStation P2 Tower ถึงเป็นเครื่องเวิร์กสเตชันที่เหมาะกับการทำงานระดับมืออาชีพ ด้วยประสิทธิภาพ ความเสถียร ความปลอดภัย ดีไซน์ทันสมัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีประกันและบริการหลังการขายที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว