เราคงรู้จักเครื่องดื่ม “โคคา-โคล่า” หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า “โค้ก” กันดี เพราะเข้ามาขายในไทยตั้งแต่ปี 1948 ที่นับถึงปัจจุบันก็ 76 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการผลิตเครื่องดื่มของ “โคคา-โคล่า” ส่วนใหญ่ในไทย ดูแลพื้นที่ 63 จังหวัดยกเว้นภาคใต้ก็คือ “ไทยน้ำทิพย์” ครับ ซึ่งปี 2024 ก็เป็นปีพิเศษ เพราะปีนี้บริษัทอยู่คู่กับคนไทยมาถึง 65 ปีแล้ว จึงชวนทีมงาน BT เข้าไปทัวร์ไลน์การผลิตเครื่องดื่มของบริษัท และอยากเล่าให้แฟน ๆ “โค้ก” ทุกคนฟังถึงเป้าหมายของไทยน้ำทิพย์ ที่ตั้งใจเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งคำว่ายั่งยืนนี้ ไทยน้ำทิพย์ทำหลายอย่างมากครับ

กำลังการผลิตของไทยน้ำทิพย์

โรงงานทั้ง 5 ของไทยน้ำทิพย์

เราคงพอจินตนาการได้ว่าวัน ๆ หนึ่งคนไทยดื่ม “โค้ก” และเครื่องดื่มในเครืออย่าง “แฟนต้า”, “สไปรท์”, “ชเวปส์” ฯลฯ มากขนาดไหน ไทยน้ำทิพย์นั้นผลิตเครื่องดื่มมากกว่า 250 SKU (Stock Keeping Unit คือหน่วยสินค้าที่เล็กที่สุดในระบบคลังสินค้า คือต่างความจุ ก็นับแยกเป็น 1 SKU แล้ว) ไทยน้ำทิพย์จึงมีโรงงานมากถึง 5 โรงงาน ตั้งอยู่ที่ปทุมธานี, รังสิต, นครราชสีมา, ขอนแก่น และลำปาง นับกำลังการผลิตรวมกันได้ถึง 450 ล้านยูนิตเคสต่อปี (เป็นหน่วยวัดการผลิตของโคคา-โคล่า)

อย่างโรงงานที่เราไปทัวร์ในวันนี้เป็นหนึ่งในโรงงานที่ทันสมัยที่สุด ตั้งอยู่ที่จ.ปทุมธานี บนพื้นที่ 140 ไร่ มีสายการผลิตรวมทั้งหมด 7 ไลน์ หนึ่งในนั้นคือไลน์ที่สามารถผลิตเครื่องดื่มกระป๋องได้มากถึง 2,000 กระป๋องต่อนาที ซึ่งเป็นสายการผลิตเครื่องดื่มแบบกระป๋องที่มีความเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับโรงงานผลิตเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องทั้งหมดในประเทศไทย โดยที่โรงงานปทุมธานีแห่งนี้ มีกำลังการผลิตสินค้าสูงสุดทุกรายการรวมกว่า 180 ล้านยูนิตเคสต่อปี

ขวดแก้วที่รอการทำความสะอาดและนำไปบรรจุใหม่

นอกจากนี้โรงงานที่ปทุมธานียังมีไลน์ผลิตเครื่องดื่มแบบ RGB (Returnable Glass Bottle) หรือเครื่องดื่มในขวดแก้วที่ต้องคืนขวด ขนาดใหญ่ที่สุดของไทยน้ำทิพย์ด้วย ซึ่งขวดแก้วนี้จะใช้น้ำในการผลิตสูง เพราะต้องมีกระบวนการล้างขวดก่อนบรรจุ จึงต้องมีการวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

พอกำลังการผลิตมีมาก การกระจายสินค้าจึงเป็นเรื่องใหญ่ ไทยน้ำทิพย์มีกองทัพรถแดงส่งเครื่องดื่มกว่า 1,100 คัน เราจึงได้เห็นรถแดงที่มีโลโก้ “โคคา-โคล่า” แทบทุกวันที่เราออกจากบ้าน

กระบวนการผลิตโค้ก

จริง ๆ แล้วในโรงงานแห่งนี้มีไลน์การผลิตของหลากหลายผลิตภัณฑ์เลยนะครับ แต่ไลน์การผลิตที่ทีมงาน BT ได้เข้าชมในวันนี้คือการผลิต “โค้ก” ในขวดจากพลาสติกรีไซเคิลหรือขวด rPET (Recycled PET) ครับ ซึ่งมีกระบวนการผลิตดังนี้

กระบวนการผลิต “โค้ก”
  1. เริ่มต้นที่วัตถุดิบของบรรจุภัณฑ์ขวดพลาสติก ที่จะมาในรูปแบบของหลอด Preforms ขนาดเล็ก ที่ได้จากการนำเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (rPET Resin) ไปขึ้นรูปเป็นหลอด Preforms ขนาดเล็ก ซึ่งพอเข้าไลน์การผลิตของไทยน้ำทิพย์ หลอด Preforms เล็ก ๆ เหล่านี้จะถูกให้ความร้อน และเป่าจนเป็นขวดขนาดต่าง ๆ ที่ต้องการ
  2. ในฝั่งของเครื่องดื่ม จะมีเครื่องนำหัวเชื้อสูตรลับของ ‘Coca-Cola’ ที่ส่งตรงจากต่างประเทศมาผสมกับน้ำที่ผ่านการปรับคุณภาพจนผ่านมาตรฐาน ผสมน้ำเชื่อมและอัดก๊าซออกมาเป็นเครื่องดื่มน้ำดำที่หลายคนหลงรัก
  3. พอได้ขวด และได้เครื่องดื่มน้ำดำแล้ว ก็เอาไปบรรจุลงขวด ปิดฝา แล้วผ่านเครื่องวัดระดับน้ำให้ได้ปริมาณที่ถูกต้อง
  4. ตรงนี้ในกระบวนการผลิตจะมีเทคนิคนิดหนึ่ง เพราะตอนบรรจุเครื่องดื่มลงขวดจะใช้อุณหภูมิต่ำ ราว 16 – 20 องศา เพื่อลดการเกิดฟอง แต่เรารู้กันดีว่าถ้าขวดเย็นมันจะมีไอหยดน้ำเกาะขวด ซึ่งจะมีปัญหากับการแปะฉลาก ขวดทั้งหมดที่บรรจุแล้วเลยต้องเข้าเครื่อง Warmer เพื่อปรับอุณหภูมิให้เท่าอุณหภูมิห้อง
  5. เมื่อขวดพร้อมแล้ว สายพานการผลิตจะวิ่งส่งเข้าเครื่องติดฉลากให้สวยงาม
  6. แล้วต่อด้วยเครื่องสแตมป์เพื่อเขียนข้อมูลวันที่ผลิต วันหมดอายุ หรือเลข Lot ลงไปบนขวด
  7. ตอนนี้ได้ “โค้ก” ที่ขวดสมบูรณ์แล้ว ขวดพวกนี้ก็จะถูกลำเลียงไปจัดกลุ่มตามจำนวน แล้วหุ้มพลาสติก หรือส่งลงกล่องต่อไป
  8. สุดท้ายนำ “โค้ก” ที่แพ็กแล้ว ลงพาเลท แล้วห่อพาเลทอีกทีเพื่อให้ขนด้วยรถยกได้อย่างปลอดภัย
  9. เก็บสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วในสต็อก รอขนส่งไปทั่วประเทศต่อไป
หน้าตาของขวด Preforms ก่อนเอาไปเป่าเป็นขวดขนาดที่ต้องการ
หน้าตาของหลอด Preforms ก่อนเอาไปเป่าเป็นขวดขนาดที่ต้องการ

ความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญของไทยน้ำทิพย์

จากกระบวนการผลิตเครื่องดื่มของไทยน้ำทิพย์ เราน่าจะพอเห็นภาพว่า มีส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับทั้งทรัพยากรน้ำ ไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ไปจนถึงเรื่องของตัวขวดที่ต้องมีการรีไซเคิล ซึ่งที่ผ่านมา ไทยน้ำทิพย์ก็พัฒนากระบวนการทำงานเพื่อเสริมความยั่งยืนมาตลอด โดย ปุณฑริกา สุสัณฐิตพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ การสื่อสาร และความยั่งยืน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด อธิบายให้เราฟังว่า ไทยน้ำทิพย์ให้ความสำคัญกับ 3 เสาหลัก คือ 1. การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 2. การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 3. บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ดังนี้

ปุณฑริกา สุสัณฐิตพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ องค์กรสัมพันธ์ การสื่อสาร และความยั่งยืน บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

การจัดการน้ำให้ยั่งยืน

ไทยน้ำทิพย์มีการเก็บข้อมูล Water Use Ratio (WUR) อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง WUR คือตัวเลขวัดผลว่าการผลิตเครื่องดื่ม 1 ลิตรนั้นต้องใช้น้ำดิบกี่ลิตรในการผลิต เมื่อมีข้อมูลนี้แล้ว ไทยน้ำทิพย์จึงสามารถจริงจังกับการพัฒนากระบวนการทำงานให้ตัวเลข WUR นี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ไทยน้ำทิพย์มีเป้าหมายว่า ผลิตน้ำบรรจุขวดไปเท่าไหร่ ก็ตั้งใจจะคืนน้ำปริมาณเดียวกันกลับสู่ธรรมชาติ

เทอดพงษ์ ศิริเจน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านคุณภาพ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยกับเราว่าข้อมูลตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024 มีอัตราการใช้น้ำลดลงไปได้ถึง 30% แล้ว คือลดได้ 907 ล้านลิตรใน 4 ปี น้ำปริมาณนี้สามารถเติมใส่สระน้ำโอลิมปิกได้ถึง 363 สระ ซึ่งเป้าหมายก็จะพัฒนาต่อไปให้ตัวเลข WUR ดีขึ้นทุกปี

เทอดพงษ์ ศิริเจน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านคุณภาพ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

หัวใจสำคัญในการบริหารน้ำของไทยน้ำทิพย์ คือบ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ โดยโรงงานไทยน้ำทิพย์ ปทุมธานี เป็นโรงงานผลิต ‘Coca-Cola’ แห่งแรกในโลกที่ใช้วิธีการบำบัดหลายอย่างเช่น RO (Reverse Osmosis) และ MBR (Membrane Bio Reactor) โดยบ่อบำบัดน้ำเสียในโรงงานที่ปทุมธานีกินพื้นที่ 7 ไร่ มีกำลังในการบำบัดน้ำได้ 9,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้ไทยน้ำทิพย์แทบไม่ต้องทิ้งน้ำที่ใช้ในส่วนการผลิตเลย สามารถนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดจนสะอาด ได้มาตรฐาน มาใช้ในกระบวนการผลิตที่ไม่เกี่ยวกับวัตถุดิบเครื่องดื่ม เช่น ทำความเย็นให้เครื่องจักร ทำความสะอาด นอกจากนี้ยังสามารถนำน้ำไปใช้ในการรดน้ำต้นไม้ กวาดล้างทำความสะอาดในพื้นที่โรงงานได้อีกด้วย และน้ำที่บำบัดแล้วส่วนเกินยังเปิดให้หน่วยงานภายนอกเช่นเทศบาลในท้องถิ่นสามารถนำใส่รถน้ำ เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชน เช่น ใช้ในการดับเพลิง หรือรดน้ำต้นไม้ เพื่อสาธารณประโยชน์ต่อไป

บ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานไทยน้ำทิพย์ที่ปทุมธานี

แต่น้ำส่วนนี้เป็นน้ำใช้อย่างเดียวนะครับ ไม่เกี่ยวกับน้ำดื่มในขวดน้ำ ซึ่งน้ำที่ใช้ดื่มนี้ ไทยน้ำทิพย์จะได้จากน้ำประปาและน้ำบาดาล และผ่านกระบวนการปรับคุณภาพน้ำให้ได้ตามมาตรฐานของ อย. รวมถึงผ่านมาตรฐานระดับโลกของ ‘Coca-Cola’

การจัดการพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนกระทบสภาพอากาศ

แผงโซล่าเซลล์ของโรงงานไทยน้ำทิพย์ ปทุมธานี
แผงโซล่าเซลล์ของโรงงาน “ไทยน้ำทิพย์” รังสิต

ไทยน้ำทิพย์ เป็นหนึ่งในโรงงานยุคใหม่ที่มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาใช้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพื่อใช้ในโรงงาน โดยมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในทั้ง 5 โรงงานของไทยน้ำทิพย์ ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า จะได้สูงสุดที่ 12.6242 Mega-Watt-Peak คิดเป็น 10% ของไฟฟ้าทั้งหมดที่โรงงานใช้ โดยตอนนี้ทั้ง 5 โรงงานของไทยน้ำทิพย์ติดตั้งโซล่าเซลล์ไป 24,716 แผง ให้พื้นที่รับแสงอาทิตย์ใหญ่เทียบเท่าสนามฟุตบอล 16 สนาม ซึ่งประมาณการณ์ว่าภายในระยะเวลา 20 ปี จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศได้ 100,000 ตัน เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 4 ล้านต้น 

เราทราบไปแล้วว่า ไทยน้ำทิพย์มีรถขนส่งมากกว่า 1,100 คันที่ การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ช่วยทั้งลดต้นทุนการดำเนินงาน และลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ จึงมีการติดตั้งระบบ Telematics ในรถขนส่งสินค้า เพื่อติดตามและตรวจสอบการขับขี่ของรถ นำข้อมูลไปประเมินการวางแผนเส้นทางให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ประเมินลักษณะการขับของผู้ขับขี่เพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งจะทำให้สามารถลดการใช้น้ำมันได้ 2.1 ล้านลิตรต่อปี หลังจากนำระบบ Telematics มาใช้ นอกจากนี้ยังมีการนำกล้อง AI ช่วยมอนิเตอร์ความเสี่ยงของพฤติกรรมการขับขี่ เพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานขับรถอีกด้วย

เริ่มทดลองใช้รถขนส่งไฟฟ้า

ในส่วนของรถ EV ไทยน้ำทิพย์กำลังอยู่ระหว่างทดลองใช้งานอยู่ 2 คัน เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนรถขนส่งเป็นรถไฟฟ้า ซึ่งรถทั้ง 2 คันนั้นจะใช้วิ่งขนส่งจริง เพื่อประเมินการใช้พลังงาน ระยะเวลาการชาร์จไฟ และปัจจัยอื่น ๆ สำหรับการนำมาขยายปรับใช้งานเพิ่มในอนาคต

นอกจากนี้ในโกดังที่ต้องอาศัยรถยกมากมายวิ่งไปมา ก็มีการนำรถยกไฟฟ้า (EV Forklift) มาใช้ด้วย และมีการลงทุนในระบบ Warehouse Control Tower เพื่อควบคุมเส้นทางการวิ่งของรถยกในโกดังให้มีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นในการวิ่งทับซ้อนเส้นทาง หรือวิ่งมากเกินความจำเป็น

เรื่องบรรจุภัณฑ์ก็เรื่องใหญ่

วิสัยทัศน์ระดับโลกที่ “โคคา-โคล่า” วางเอาไว้คือ World Without Waste ที่ภายในปี 2025 ตั้งเป้าหมายให้บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดสามารถรีไซเคิลได้ 100% และภายในปี 2030 บรรจุภัณฑ์ของบริษัทจะต้องใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50% รวมถึงการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ทั้งแบบขวดและกระป๋องเพื่อนำกลับมารีไซเคิลในปริมาณเทียบเท่ากับปริมาณที่จำหน่ายออกสู่ตลาด 

ซึ่ง Circular Economy กับบรรจุภัณฑ์นั้น ไทยน้ำทิพย์ก็เริ่มมีการขวดที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล Recycled PET (rPET) ที่ 100% ไม่รวมฉลากและฝาขวด  โดยในปี 2023 เริ่มที่ขวดพลาสติก “โค้ก” ขนาด 1 ลิตร และในปี 2024 นี้ก็ได้เปิดตัวขวดขนาด 300 มิลลิลิตร และ 510 มิลลิลิตรเพิ่มเติม ที่วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านสะดวกซื้อทั่วไปแล้ว โดยในอนาคตก็มีแผนที่จะใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิล (rPET) ในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มากขึ้น แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติก PET ทั่วไปก็ตาม เนื่องจากความตั้งใจจริงที่จะสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ซึ่งบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิล (rPET) ทั้งหมดของไทยน้ำทิพย์ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยในการสัมผัสอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข และมาตรฐานระดับโลกของ “โคคา-โคล่า” 

ขวดจากพลาสติกรีไซเคิลหรือ rPET
ขวดจากพลาสติกรีไซเคิลหรือ rPET

ในแง่ของการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ไทยน้ำทิพย์มีการปรับปรุงขวดให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นมาตลอด ทั้งการลดปริมาณการใช้พลาสติกในขวดพลาสติก PET เช่นขวด “โค้ก” จาก 38 กรัมก็ทำให้เหลือ 34 กรัม หรือขวดน้ำดื่ม “น้ำทิพย์” ที่ลดน้ำหนักจาก 16.5 กรัมเหลือ 10.7 กรัมได้ โดยใช้นวัตกรรมเข้ามาทำให้ขวดบรรจุผลิตภัณฑ์แข็งแรงเหมือนเดิม (เช่นการใช้อากาศอัดในขวดน้ำทิพย์ ทำให้แม้ขวดบางลง แต่ก็ยังแข็งแรง) ซึ่งพอขวดมีน้ำหนักเบาลง ก็ทำให้ลดภาระในการขนส่งและการใช้พลาสติกสำหรับการผลิตขวดลง ทำให้ไทยน้ำทิพย์สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกในขวด PET ได้ถึง 7,645 ตันนับตั้งแต่เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2009

การเปลี่ยนสีขวด “สไปรท์” จากสีเขียวเป็นขวดใส ก็เป็นนวัตกรรมของ “โคคา-โคล่า” ร่วมกับไทยน้ำทิพย์ เพราะขวดสีเขียวจะไม่สามารถนำไปรีไซเคิลตามปกติได้ พอเปลี่ยนเป็นขวดใสก็รีไซเคิลง่ายขึ้น

ไทยน้ำทิพย์เป็นบริษัทอายุ 65 ปีที่ไม่เคยหยุดการพัฒนานะครับ ซึ่งเมื่อบริษัทใหญ่ขนาดนี้ยังคงก้าวเดินเพื่อความยั่งยืน ก็ทำให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางบวกแก่สังคมได้ ช่วยให้ส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยดีขึ้น และจะดีขึ้นกว่านี้ถ้าเราช่วยกันในสิ่งที่ทำได้ เมื่อไทยน้ำทิพย์พยายามพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้รีไซเคิลได้ เราก็สามารถช่วยกันได้โดยแยกขยะ เพื่อส่งบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้กลับสู่วงจรที่ถูกต้องครับ

ขวด rPET ทั้ง 3 ขนาดของโค้ก

#SupportedbyCocaCola