ถ้าพูดถึงโลกอนาคต เราคงคิดถึงเทคโนโลยีล้ำยุคต่างๆ สมองกลสุดล้ำ บ้านอัตโนมัติ โลก VR สมจริง แต่สิ่งที่ที่อยู่ในภาพของอนาคตเสมอๆ คือสังคมไร้เงินสดหรือ Cashless Society ที่กระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ e-Wallet ก็รวมอยู่ในภาพนี้ด้วย
ระบบชำระเงินยุคเก่า เงินสดและเครดิต
ระบบชำระเงินเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนไป ระบบที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือเงินสด ที่แปลงมูลค่าต่างๆ ให้อยู่ในรูปธนบัตรหรือเหรียญให้เราสัมผัส และแลกเปลี่ยนกันได้ ซึ่งต่อมาก็พัฒนาขึ้นเป็นระบบเครดิต ที่มีบัตรเครดิตและหมายเลขเครดิตเป็นสื่อในการใช้จ่ายเงิน
ฟังเร็วๆ ก็อาจคิดว่าทั้ง 2 ระบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่ ใช้กันมาตั้งนาน ผู้คนทั่วไปใช้งานเป็น และมีความน่าเชื่อถือพอสมควร แต่เอาเข้าจริงมันก็มีปัญหาใหญ่ที่แก้ไขยากอยู่หลายอย่างครับ
- เงินสด – ค่าจัดการสูง ลองคิดถึงค่าขนส่งเงินไปยังที่ต่างๆ ค่ารักษาความปลอดภัยไม่ให้คนขโมยเงิน ค่าพิมพ์ธนบัตร ทำให้ต้องมีค่าธรรมเนียมต่างๆ นอกจากนี้ยังติดตามเงินยาก จึงมีปัญหาเรื่องเงินผิดกฏหมาย การฝอกเงิน
- เครดิต – ผู้ใช้น้อย ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าในเดือนพฤศจิกายน 2559 มีบัตรเครดิตในไทยราว 23 ล้านใบ ที่ยังไม่รวมว่าหลายคนก็มีบัตรเครดิตหลายใบ เทียบกับจำนวนประชากรไทยที่ 65 ล้านคน ก็ยังห่างจากครึ่งหนึ่งอยู่มากมายนัก เนื่องจากปัญหาเรื่องทัศนคติต่อบัตร และเงื่อนไขที่ยุ่งยากของการออกบัตร ทำให้ช่องทางชำระเงินผ่านบัตรเครดิตยังไม่เป็นที่นิยมนักในไทย
ทั้งหมดนี้จึงเป็นช่องว่างให้ระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ e-Wallet โตขึ้น เพราะผู้ใช้สามารถเติมเงินเข้าสู่ระบบดิจิทัล และเอาไปใช้จ่ายในร้านค้าที่รองรับได้ ซึ่งผู้เล่นที่อยู่ในตลาดไทยตอนนี้ก็เช่น True Money, LINE Pay, Airpay
กระเป๋าเงินดิจิทัล ระบบการเงินพื้นฐานในอนาคต
จริงๆ ภาพนี้เราเริ่มเห็นในต่างประเทศแล้วนะครับ โดยเฉพาะในจีนกับบริการ Alipay ของ Alibaba ที่ผู้ใช้สามารถใช้มือถือแทนกระเป๋าเงินจ่ายได้แทบทุกสิ่ง ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ อย่างในร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารริมทาง หรือค่าโดยสารต่างๆ ก็สามารถจ่ายผ่าน Alipay ได้ แค่กดมือถือ เปิด QR Code ให้ร้านค้าสแกนเพื่อส่งคำขอเรียกเก็บเงินมาให้ผู้ใช้ยืนยัน หรือผู้ใช้จะสแกน QR Code ของร้านค้า แล้วกดจ่ายผ่านมือถือก็ได้
ซึ่งเรื่องนี้ Buzzebees ผู้ให้บริการ CRM (Customer Relationship Management) รายใหญ่ของไทย เบื้องหลังบริการอย่าง Samsung Galaxy Gift หรือ PTT Blue Card และให้บริการ Digital Wallet Payment Gateway รายแรกของไทยด้วย ก็ให้ภาพอนาคตของกระเป๋าเงินดิจิทัลในไทยชัดเจนขึ้น
ตอนนี้ไทยยังไม่มีผู้ให้บริการ e-Wallet ที่ครองตลาดอย่างเด็ดขาด แต่ละบริการก็มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน มีร้านค้าที่รองรับบริการต่างๆ แตกต่างกันด้วย และระบบ PromptPay ก็ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะใช้รับ-จ่ายเงินได้ Buzzebees จึงอาศัยความได้เปรียบที่มีความสัมพันธ์กับหลายองค์กรที่ทำระบบ CRM อยู่แล้ว สร้าง Gateway กลางสำหรับจัดการเงินดิจิทัล และพัฒนาแอปสำหรับใช้รับจ่ายเงิน ซึ่งสามารถทำงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ (วิธีใช้ง่ายๆ คือเปิดแอป แล้วสแกน QR Code ของลูกค้า ก็รับเงินจากกระเป๋าเงินดิจิทัลได้แล้ว) ทำให้ร้านค้าไม่ต้องลงทุนกับเครื่องรูดบัตรเครดิต (เครื่อง EDC – Electronic Data Capture) ที่อาจไม่คุ้มกับธุรกรรมมูลค่าน้อยๆ ด้วย
กว่าจะบูมในไทยต้องใช้เวลา แต่จะมาแรงเหมือนสึนามิ
คุณไมเคิล เชน CEO ของ Buzzebees ก็ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า เรื่องดิจิทัลเราอาจคาดเดาได้ยากว่าเทคโนโลยีที่มองเห็นตอนนี้จะเข้าสู่ตลาดของคนทั่วไปเมื่อไหร่ อย่างเรื่อง Digital e-Wallet คุณเชนก็มองว่าน่าจะภายใน 3 ปี ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่อง PromptPay แต่ที่เรารู้แน่ๆ จากประวัติศาสตร์ คือเมื่อมันเกิดขึ้น มันจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เหมือนที่เราเลิกใช้ SMS แล้วหันมาใช้แอปแซตส่งข้อความ หรือเลิกดูทีวี เลิกอ่านหนังสือ หันมาดูออนไลน์แทน ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมากในช่วงเวลานิดเดียว
สำหรับผู้ใช้ เรื่องแบบนี้คงเป็นเรื่องสนุก เพราะทำให้ชีวิตเงินขึ้น ไม่ต้องพกเงิน พกเศษเหรียญให้หนัก แต่สำหรับผู้ค้า วันนี้คุณได้เรียนรู้ที่จะรองรับระบบเหล่านี้แล้วหรือยัง เพราะถึงคนไทยจะยังไม่ได้ใช้ แต่คนจีน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ก็ใช้ AliPay กันเป็นเรื่องปกติ แล้วธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไหม