เหล่าสาวก Samsung อาจจะอดหลับอดนอนกันไม่มากก็น้อย สำหรับการตั้งตารอคอย Samsung Galaxy S25 Series อย่างว่าปีใหม่ เราก็ต้องมีอะไรใหม่ ๆ ใช่มั้ยล่ะคะ เช่น โทรศัพท์ใหม่นั่นเอง จริง ๆ แล้ว ไม่ต้องแค่สาวก Samsung หรอก ถ้าใครได้อ่านจุดเด่นที่แอดสรุปมาให้ ต้องมีความคิดที่อยากจะย้ายค่ายกันบ้างล่ะ เพราะเปิดตัวในครั้งนี้ว้าวตลอด 2 ชม. เต็มเลยทีเดียว
1. AI แบบจัดเต็ม
ฟีเจอร์ Circle to Search อัปเกรดใหม่ฉลาดขึ้น เก่งขึ้น เช่น ฮัมแค่ทำนองเพลงก็สามารถรู้ชื่อเพลงได้ หรือถ้าเห็นเหล่าอินฟลูฯ ลงรูปอาหาร แต่เราอยากรู้สูตร เราก็เพียงแค่วงกลมก็จะสามารถค้นหาสูตรทำอาหารได้ทันที
และใครที่ชอบเผลอหลับตา เวลาถ่ายรูป ! ฟีเจอร์ Best Face คือรับจบที่สุด เขานำ AI มาช่วยคัด วิธีการทำงานของฟีเจอร์นี้ คือกล้องจะถ่าย Motion Video ก่อนและหลังกดชัตเตอร์เก็บไว้ เพื่อนำมาประมวลผลและเลือกช็อตที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในภาพ หรือเราจะเลือกช็อตด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน จับใบหน้าคนในรูปได้สูงสุด 5 คน จะกล้องหน้าหรือหลังใช้หมดค่ะ
ฟีเจอร์ต่อไปเอาใจสายถ่ายวิดีโอ โดยเราสามารถแต่งเสียงได้แล้วนะคะ เพราะแค่จะตัดเพียงเสียงรบกวนมันจำเจเกินไป Samsung จะใช้ AI ให้ปรับเสียงในวิดีโอตามที่ใจเราต้องการได้ สามารถแต่งเสียงได้ถึง 6 ประเภท ได้แก่ Speaker, Music, Wind, Nature, Crowd และ Noise จุดเด่นสุด ๆ ของฟีเจอร์นี้เลยคือ คุณไม่ต้องใช้แค่วิดีโอที่ถ่ายจาก Samsung เท่านั้นค่ะ จะถ่ายด้วยอะไรเราก็สามารถปรับแต่งเสียงได้ !
AI Assistant เลขาฯ ส่วนตัวแบบไม่ต้องเสียเงินจ้าง ฟีเจอร์นี้สามารถใช้คำสั่งเสียงเพื่อช่วยให้ AI ค้นหาเที่ยวบิน โรงแรม หรือใช้ค้นหากำหนดการ หรืองานอีเวนต์ เช่น คอนเสิร์ต หรือการประชุมต่าง ๆ และสั่งให้เซฟลงปฏิทินได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถสั่งให้ช่วยสรุปข้อมูลในวิดีโอ พร้อมเซฟลง Note ได้อีกด้วย เพิ่มความรวดเร็ว และช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น
2. ซอฟต์แวร์กล้องดีขึ้น
กล้องเองก็เป็นหนึ่งในจุดขายของ Samsung โดย Galaxy S25 Series จะมาพร้อมกับ ProVisual Engine ใหม่โดยกล้องของ Galaxy S25 Ultra ทั้ง 4 ตัวประกอบด้วย
- กล้องหลัก ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (อัปจากรุ่นก่อนที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล)
- กล้องซูม 3x ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
- กล้องซูม 5x ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
ส่วน Galaxy S25 และ S25+ กล้องหลักจะเหลือความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultrawide เป็น 12 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม และไม่มีเลนส์ซูม 5 เท่า
3. ถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ
ฟีเจอร์นี้สายโปรดักชันรู้กันว่า แทบจะว้าวสุดแล้วใน Galaxy S25 Series โดยเราสามารถถ่ายวิดีโอ Log ได้ เหมาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการนำไปแต่งทีหลัง โดยมี False color กับ Zebra, ถ่ายวิดีโอกลางคืนได้ดีขึ้น วิเคราะห์คลื่นรบกวนหรือ Noise ทั้งหมด 2 ขั้นตอน, ถ่าย HDR 10 bit ตั้งแต่เริ่ม อีกทั้งยังรองรับการถ่าย 10 bit HLG (ไม่ใช่ Dolby Vision) โดยจะเปิดใช้งานเป็นมาตรฐานเลย
4. ตัวเครื่องเบาลง มุมไม่แหลม
ด้านดีไซน์ S25 และ S25+ โดยรวมแล้วใช้ดีไซน์ทรงเดิม ส่วนรุ่นท็อปอย่าง S25 Ultra ก็จะมีการปรับดีไซน์ให้เป็นเฟรมขอบแบน แต่ปรับมุมเครื่องให้มีความโค้งมนขึ้น ตัวเครื่องเบากว่าเดิม ดูเท่ดูเพรียวในเวลาเดียวกัน จับถนัดมือไม่รู้สึกเทอะทะ หรือ หนักมากเกินไป และไม่แทงอุ้งมือเวลาถือแนวนอนแล้ว
5. แรงกว่า iPhone !
Samsung Galaxy S25 Series ทุกรุ่นมาพร้อมกับชิปเซต Snapdragon 8 Elite for Galaxy ซึ่งเป็นรุ่นปรับแต่งพิเศษ ไม่มีเวอร์ชันชิป Exynos หากเทียบกับรุ่นที่แล้วจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าในทุกด้าน ทั้ง CPU แรงขึ้น 37%, GPU แรงขึ้น 30% และ NPU แรงขึ้น 40% จึงทำงานได้ดีกว่าเดิมโดยเฉพาะในด้านการประมวลผล AI ทำให้สามารถทำคะแนนบน Geekbench ในส่วนของ Multi-core ได้ 9,600 คะแนน มากกว่า iPhone 16 Pro ที่ทำได้แค่ 8,500 คะแนน ในแง่ของความร้อนก็หายห่วงได้ เพราะ Samsung ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ที่ใหญ่ขึ้นอีก 40% แทบจะเต็มฝาหลังเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นจุดเด่นที่แอดคิดว่าควรค่าแก่การอ่าน เพราะการที่เราจะเลือกซื้อโทรศัพท์สักเครื่อง เรื่องไลฟ์สไตล์ และจุดเด่นต่าง ๆ ที่จะมาช่วยเราระหว่างวันจะต้องตอบโจทย์มากที่สุด อย่างไรก็ตามใครที่สนใจ Samsung Galaxy S25 Series สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ ผ่านช่องทางออนไลน์ Samsung Official Store แอบกระซิบจองวันนี้พร้อมรับสิทธิพิเศษและส่วนลดแบบจุก ๆ สินค้าจะพร้อมส่งตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. 2025 เป็นต้นไปค่ะ