AI หรือปัญญาประดิษฐ์กลายมาเป็นตัวเร่งโลกของเราให้หมุนเร็วขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และอยู่ในวิถีชีวิตมนุษย์ทุกคนเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณคิดว่า AI ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันฉลาดล้ำจนเปลี่ยนโลกได้ขนาดนี้ เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ AGI หรือ Artificial General Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป)

AGI เป็นสาขาหนึ่งของการศึกษาด้าน AI ที่อาจทำให้ AI ที่เราใช้กันอยู่เทียบไม่ติด มาดูกันว่า AGI จะต่างจาก AI แค่ไหน แล้วจะส่งผลต่อโลกของเราแบบไหนบ้าง ?

AGI คืออะไร ?

AI ที่เราใช้กันในปัจจุบันเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “Narrow AI” หรือ AI แบบจำกัด ซึ่งเป็นระบบที่ถูกเทรนให้ทำงานเฉพาะด้าน อย่างการรวบรวมและสรุปข้อมูล การวิเคราะห์ภาพ การสร้างภาพ การแปลภาษา หรือวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ โดยต้องอาศัยโมเดลที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ และป้อนข้อมูลมหภาค (Big Data) เข้าไปเพื่อเทรนให้ฉลาด หรือก็คือ AI ที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ อย่าง ChatGPT, Claude หรือแม้แต่ AI ของ DeepMind ที่ช่วยคิดค้นโครงสร้างโปรตีนในการสร้างยารักษาโรคใหม่ ๆ

แม้เราจะรู้สึกว่า AI เหล่านี้ก็แสนจะฉลาดและทรงพลังแล้ว แต่ในทางทฤษฎี Narrow AI จัดว่าเป็น AI ที่มีความฉลาดต่ำสุด แต่ก็ยังไม่สามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินได้เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ พวกมันแค่เก่งในด้านใดด้านหนึ่งมากกว่ามนุษย์

ถ้าเล่ามาขนาดนี้ คงจะพอเดากันได้ว่า AGI คือปัญญาประดิษฐ์ที่คิดได้เทียบเท่า หรือ “เหนือกว่า” มนุษย์ เหมือนจำลองสมองของมนุษย์มาอยู่ในรูปแบบของซอฟต์แวร์ โดย AGI สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และแก้ไขปัญหาได้เองโดยไม่ต้องป้อนคำสั่ง หรือข้อมูล ราวกับว่ามันมีชีวิต สติปัญญา และสัญชาตญาณการเรียนรู้เป็นของตัวเอง

ในทางทฤษฎี นักวิจัยที่ศึกษาปัญญาประดิษฐ์ ได้กำหนดลักษณะให้กับ AGI ว่าเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ สามารถตัดสินใจ เข้าใจสถานการณ์ และบริบทต่าง ๆ ได้เหมือนมนุษย์ โดยที่ไม่ต้องเทรน รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เราเคยเชื่อกันว่ามนุษย์ที่มีความคิดสร้างสรรค์จะไม่ตกงานจาก AI แต่การมาของ AGI ก็อาจทำให้ความเชื่อมั่นในข้อนี้สั่นคลอน

และด้วยความสามารถในการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ทำให้ AGI มีความยืดหยุ่นสูงกว่า AI ยุคปัจจุบัน ทำให้พวกมันมีขอบเขตการรับรู้และความสามารถในการประมวลผลได้อย่างไม่มีขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม AGI ยังคงเป็นแค่เรื่องราวตามทฤษฎี

การมาถึงของ AGI ที่อาจไม่นานเกินรอ

เคยมีการคาดการณ์ว่า AGI ที่ฉลาดกว่า AI ทุกวันนี้จะถือกำเนิดขึ้นเร็วสุดในปี 2040 ถึง 2060 หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย แต่ด้วยอัตราเร่งและการแข่งขันด้าน AI ในทุกวันนี้ อาจทำให้ AGI รุ่นแรกเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้

งานวิจัยและสมมติฐานมากมายชี้ว่า AGI จะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่มนุษย์ไม่เคยเข้าถึงมาก่อน อย่างการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ วิทยาการด้านวิศวกรรม วิทยาการทางการแพทย์ หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยอัตราเร่งสูงสุด ดู ๆ แล้ว สิ่งนี้ดูเหมือนจะสร้างประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติได้อย่างมหาศาล

ความท้าทาย และการตั้งคำถามเรื่องความปลอดภัย (อีกครั้ง) เมื่อ AGI เกิดขึ้น

ถ้าหากมองในอีกมุม การมาถึงของ AGI อาจฉายซ้ำภาพของความหวาดหวั่นในวันที่โลกเราเจอกับ AI เป็นครั้งแรก แต่เป็นเวอร์ชันที่ฉลาดเทียบเท่าหรือฉลาดกว่ามนุษย์ และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองของมันเอง

ทุกวันนี้เราเห็นการคาดการณ์อัตราการถูกเลิกจ้าง และการแทนที่งานบางตำแหน่งด้วย Narrow AI มากมาย แต่สำหรับ AGI ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจมากกว่านั้น ด้วยศักยภาพการเรียนรู้ที่อาจไม่มีขีดจำกัด ชวนให้เกิดการตั้งคำถามอีกครั้ง

ว่าความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางการแพทย์ของศัลยแพทย์มือดี อาจถูกทดแทนได้ด้วยช่วงเวลาข้ามคืนหรือเปล่า ความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนนิยายเบอร์ต้น จะถูกทดแทนด้วยจินตนาการและแนวคิดที่ไม่เคยมีในโลกนี้มาก่อนของ AGI ด้วยภาษาที่มีความเป็นมนุษย์ยิ่งกว่ามนุษย์เสียเอง หรือ AGI จะสามารถทำหน้าที่ตัดสินคดีฆาตกรรมของภรรยาที่สังหารสามีจากการถูกทำร้ายมาแรมปีได้อย่างมีมนุษยธรรมโดยไร้เสียงคัดค้านหรือข้อโต้แย้ง

งาน Routine หรืองานที่ไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษ อาจถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรที่ควบคุมด้วย AI ทั้งหมด โรคที่ค้นคว้าการรักษามาหลายสิบปี อาจสำเร็จในช่วงเวลาเพียงครึ่งศตวรรษ หรือแม้แต่การตั้งทฤษฎีหรือสมมติฐานวิทยาศาสตร์ AGI ก็จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการไขความลับจักรวาล

ในปี 2023 อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เคยพูดถึง AI เกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติในระดับกวาดล้างว่า “ไม่ใช่ศูนย์” (Non-zero chance)

กลับมาสู่คำถามที่ว่า “เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าปัญญาประดิษฐ์ AGI จะไม่ตัดสินใจที่ส่งผลร้ายต่อมนุษย์ ?” หรือ “ใครจะเป็นผู้ควบคุมสิ่งนี้ ?”

ในอนาคต หาก AGI มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ มันอาจมีบทบาทในสังคมไม่ต่างจากบุคคล เช่น การเป็นนักวิจัย นักเขียน หรือแม้แต่ผู้บริหารที่ทำงานได้โดยไม่ต้องนอนหลับครบ 8 ชั่วโมง ไม่ต้องกินอาหาร ไม่ต้องดื่มน้ำ ไม่เหวี่ยงวีนเมื่อถูกขัดใจหรือใช้งานหนัก ไม่ป่วย ไม่มีวันลา ไม่ต้องสมทบประกันสังคม หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

แม้ว่า AI ในปัจจุบันจะทำให้ชีวิตเราสะดวกขึ้นในหลาย ๆ ด้าน แต่ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความท้าทายในการปรับตัวอย่างมหาศาล ไม่ต้องพูดถึงในวันที่ AGI ที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างไร้ขอบเขต เราอาจต้องเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบทั้งด้านบวกและลบของเทคโนโลยีนี้ ที่สำคัญในทางทฤษฎียังมีขั้นสูงสุดของ AI ที่เรียกว่า Artificial Super intelligence (ASI) หรือสุดยอดปัญญาประดิษฐ์ที่มีความฉลาดเหนือมนุษย์