เรียกได้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้นั้นมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องถ้าเทียบกับยุคสมัยที่โทรศัพท์มือถือยังคงเป็นเครื่องใหญ่ ๆ ที่ดูเทอะทะ มีทั้งเพจเจอร์(จำกันได้ไหม) ที่เอาไว้ส่งข้อความหากัน รวมไปถึง iPod สำหรับฟังเพลงโดยเฉพาะ (หรือ Sony Walkman) และแม้แต่กล้องวิดีโอที่ใหญ่โตเทอะทะ ขนไปไหนมาไหนไม่สะดวก
หลังจากนั้นอีกเพียงไม่กี่ปีต่อมาเทคโนโลยีก็ได้ก้าวล้ำไปซะจนสามารถนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาผนวกเข้าด้วยกันและย่อส่วนมันมาไว้บนมือถือเล็ก ๆ เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็น 1 ใน Technology Disruption ที่เปลี่ยนการใช้ชีวิตของแต่ละคนไปได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าทุก ๆ คนก็ต้องอยากได้มือถือใหม่ ๆ ที่เร็วกว่า แรงกว่า ความจุเยอะกว่า และดูดีกว่าอย่างแน่นอน
และเมื่อเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้กับโครงสร้างพื้นฐานก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ All-in-one ก็จะช่วยให้การทำงานทางด้าน IT มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะสำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเทคโนโลยีนั้นคือ hyperconverged เปรียบเสมือนกับเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนทางฝั่ง IT เลยก็ว่าได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้คือการนำเอา Server มาสร้างระบบ Virtual Machine ขึ้นมาสำหรับ Software ที่กำหนด ซึ่ง Software ตัวนี้ก็จะเป็นผู้ดึงเอา Storage ของ Server ต่าง ๆ มาทำเป็น Pool กลางและโยนกลับไปให้ Server ใช้งานอีกครั้ง ซึ่งจุดเด่นคือ CPU และ Memory ของ Server เราจะกระจายกันทำงาน ลด Load ของข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลมากกว่าเดิมและที่สำคัญคือทำให้ระบบของเราไม่ล่มง่าย ๆ เพราะมี Pool กลางคอยเชื่อมอยู่ และสามารถเพิ่มขนาดของ Storage ได้อย่างง่ายดาย แต่มีข้อเสียคือมี Cost ที่สูงมาก ๆ นั่นเอง
ซึ่งทาง SimpliVity ก็ได้มีโซลูชั่น SimpliVity OmniStack Solution สำหรับช่วยเหลือจัดการทางด้านเทคโนโลยี hyperconverged อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยดูแลจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ช่วยดูแลสิ่งต่าง ๆ ให้คุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย เปรียบเสมือนกับการใช้มือถือเทพ ๆ ในโลก hyperconverged เลยก็ว่าได้
อ้างอิง: simplivity