ในช่วงสุดท้ายของงาน Thailand Zocial Award 2017 คุณป้อม-ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ได้ให้ภาพรวมการค้าอิเล็กทรอนิกส์อีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในไทย คือการค้าผ่าน facebook, instagram หรือ LINE ที่เรียกว่า Social Commerce ซึ่งจากการศึกษาพบว่าคนไทยค้าขายออนไลน์ในรูปแบบนี้มูลค่าสูงมาก สูงกว่าการช้อปปิ้งผ่านเว็บใหญ่ๆ เสียอีก
การขายสินค้าโดยอาศัยมวลชนและสังคมเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความอยากและการซื้อเกิดขึ้นผ่านเทคโนโลยีของ Social Network
โลกเริ่มเข้าสู่ Social Commerce ในปี 2004 เมื่อเฟซบุ๊กเกิดขึ้น ซึ่งการค้าผ่านโซเซียลนี้อาศัยแรงจากสังคมออนไลน์มาสร้างอารมณ์ร่วม และซื้อขายกันผ่าน Social Network ที่น่าสนใจคือมูลค่าการซื้อขาย e-commerce ผ่านโซเซียลมีเดียนั้นโตมาก ใหญ่กว่า e-marketplace เป็นเท่าตัว ข้อมูลจาก ETDA ระบุว่าการค้าปลีกและค้าส่งผ่าน Social Media สูงถึงเกือบ 270,000 ล้านบาท เทียบกับ e-marketplace ที่ได้ราว 57,000 ล้านบาทเท่านั้น
ภาพรวมคนซื้อในไทย
- คนไทยใช้เฟซบุ๊ก 40 ล้านคน
- เป็นผู้หญิง 62%
- กลุ่มใหญ่คืออายุ 18-34 ปี
- จำเป็นต้องลงโฆษณาเพื่อให้ได้ผลที่ดี
- คนใช้ Android 71% เพื่อซื้อสินค้า
facebook group commerce ตลาดเจาะกลุ่มทรงประสิทธิภาพ
การค้าขายผ่านกรุ๊ปในเฟซบุ๊ก (กรุ๊ปที่เป็น buy and sell จะสามารถใส่ราคาลงไปได้ด้วย) เป็นช่องทางค้าขายที่ประสิทธิภาพมาก ตอนนี้เรามีกรุ๊ปเฉพาะในเรื่องขายของกลุ่มต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่นกรุ๊ปขายของแม่และเด็ก กรุ๊ปพระเครื่อง หลายกรุ๊ปก็มีสมาชิกกันหลักแสน ทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นเร็วมาก เพราะ facebook Group เป็นการเจาะกลุ่มที่ชัดเจนมาก คนที่สนใจเรื่องนั้นๆ ถึงจะสมัครไปอยู่ร่วมในกลุ่มต่างๆ ทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องขายได้รวดเร็ว
Facebook Group จึงเป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ถ้าต้องการทำตลาดสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาแบรนด์ยังไม่ได้สนใจกลุ่มตรงนี้เท่าไหร่
ไลฟ์ขายของทำให้เกิดอุปทานหมู่ ขายได้ง่ายขึ้น
รายละเอียดอื่นๆ ที่น่าสนใจของ Social Commerce ในไทย
สรุปภาพรวม Social Commerce
ถึง Social Commerce จะมาแรงในปัจจุบัน การค้าผ่าน instagram และ Facebook Group ได้รับความนิยมสูงมาก แต่เราก็ยังทิ้งเว็บไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรมีเว็บเพื่อเป็นฐานความเชื่อมั่น และค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น
และนวัตกรรมการค้าขายอื่นๆ ที่จะมาถึงแล้วคือ Universal Commerce เช่นการสั่งสินค้าด้วยเสียง ซึ่ง Google ทำได้แล้วผ่าน google assistant หรือ Amazon echo รวมถึง Web 3.0 หรือเว็บที่เป็น Personal มากขึ้น เน้นความเป็น Real-time ที่จะครองใจผู้ใช้ต่อไป