ฉบับนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเปิดเผยข้อมูล “โค้งสุดท้าย” ก่อนงานทอล์กโชว์ไอทีเต็มรูปแบบครั้งแรกในชีวิตของผมที่ตั้งใจเอาไว้ว่าเป็นการนำเสนอผลงานสู่ท่านในอีกรูปแบบหนึ่ง นอกเหนือจากงานโทรทัศน์ที่ผมนำเสนอสู่ท่านมาแล้วกว่า 15 ปี (ไม่น่าเชื่อเลยนะ เวลาผ่านไปไวจริงๆ)

ผมจะเล่าเบื้องหลังแรงบันดาลใจให้ท่านฟังแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และให้รู้กันไปเลยว่า “ผมเปิดการแสดงครั้งนี้เพื่ออะไร?”

ขอออกตัวว่าผมค่อนข้างเขิน ๆ นะครับเวลาจะต้องโปรโมทของ ๆ ตัวเอง (ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์คนอื่นที่ผมถนัดนัก!) ผมจะคิดซะว่าผมไม่ได้เขียนเองและคุณผู้อ่านก็ไม่ได้อ่านงานเขียนฉบับนี้จากตัวผมเองก็แล้วกันนะครับ (ฮา)

33

ผมเริ่มต้นโปรดักชั่นนี้จากการได้รับแรงบันดาลใจจังๆจากปรมาจารย์ด้านเดี่ยวไมโครโฟน “พี่โน้ส อุดม แต้พานิช” ผู้สร้างสรรค์งานโชว์ประเภทนี้ขึ้นครั้งแรกในเมืองไทย และจัดต่อเนื่องยาวนานมาได้ถึง 10 ครั้ง (ไม่รวมเวอร์ชั่นแยกย่อย) ในรอบ 2 ทศวรรษ ผมรักและศรัทธาพี่โน้สมาตั้งแต่ช่วงจบ ม.6 ช่วงนั้นโรงเรียมมัธยมผมดันพิเรนทร์ให้นักเรียนลงทะเบียนเรียนตามความสามารถ ผมก็ทะลึ่งลงเยอะ เลือกแผนการเรียน 2 ปีครึ่งจบ ม.6 ได้ ก็เลยว่างอยู่ครึ่งปี ก่อนเอ็นทรานซ์ (ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้’เอ็นท์เพราะเอาประสบการณ์ชีวิตไปรวมรวมเป็น Portfolio เสนอคณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว เพื่อสอบตรง แล้วเขาก็รับ) ครึ่งปีนี้ผมโคตรได้ประสบการณ์ชีวิตเลยครับ เล่นละครเวทีครั้งแรกกับโปรดักชั่นพี่เปิ้ล นาคร ศิลาชัย (ตอนนั้นแกเพิ่งกลับจากอังกฤษ และฟิตทำละครเวทีมาก) เล่นเป็น หมู่มวล ชาวบ้าน แต่ก็ได้รู้จักผู้คนในวงการมากมาย (ตื่นเต้นดีนะครับที่ได้รู้จักกับบุคคลเจ๋ง ๆ ที่เราเห็นในทีวีมาตั้งแต่เด็ก)​ แน่นอนว่าก๊วนพี่เปิ้ล ณ​ เวลานั้นก็คือ “ยุทธการขยับเหงือก” รายการชวนหัวเราะยุค ‘90 ของ JSL ฉะนั้นไม่ว่าจะเสนาหอย, พี่ติ๊ก กลิ่นสี, เสนาวิชญ์ ฯลฯ หรือแม้แต่พี่โน้ส อุดม ก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนโปรดักชั่นนี้ไม่ขาด ผมจำได้ดีว่าผมเจอพี่โน้สในงานเลี้ยงปิดโปรดักชั่นละคร ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาก่อนปี 2538 แกยังไม่ได้ทำเดี่ยวไมโครโฟนครั้งแรกเลย แกขึ้นไปร้องเพลงแร็ปบนเวที (เอโพด สะเรนาปัง- โจอี้บอย) ผมงี้ทึ่งแกเลยในทันที ทั้ง ๆ ที่เคย “เฉย ๆ ” กับลวดลายของแกในยุทธการขยับเหงือก ..ผมเป็นโรคอยู่อย่างคือ “เห็นอัจฉริยะแล้วผมจะตัวสั่นเทา” อยากรู้จักและอยากเก่งกับเขาบ้าง

จากโปรดักชั่นนั้นผมก็ไปเล่นละครให้คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ตามการชักชวนมา Audition ของพี่ ๆ คณะละคอนนาครศิษย์ครูช่าง จากนั้นก็ได้เป็นเล่น Sit Com ทางทีวีกับ DAS Entertainment ที่โรงละครกรุงเทพ (ไม่น่าเชื่อใช่ไหม? ว่า “ครึ่งปี”​ มันจะทำอะไรได้มากขนาดนี้) สิ่งที่เหลือเชื่อในชีวิตก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อผมลงเรียนวิชาพิเศษกับทางแดสเป็นเวิร์คช้อป “How To Make People Laugh” (วิธีทำให้คนขำ) ซึ่งผู้ร่วมคลาสครั้งนั้นคือบุคคลที่เพิ่งทำ “เดี่ยวไมโครโฟนแรก” มาอุ่น ๆ นั่นคือพี่โน้ส อุดม แต้พานิช

44

..ผมไม่ได้เข้าชมการแสดงสดของเขานะ เพราะแกจัดจำกัดมากคือ 450 ที่นั่งที่หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต และทำเพียง 3 รอบ ระบบการจองตั๋วยุคนั้นต้องไปต่อคิวที่ร้านเทปหน้าสยามสแควร์ ผมหูตาไม่กว้างไกลพอจึงอดไป ..(ดีใจกับคนยุคนี้ด้วยครับที่มี Thaiticketmajor.com ที่โคตรสะดวกสบาย) ผมร่วมเวิร์คช้อปแบบถึงเนื้อถึงตัวกับพี่โน้สอยู่ 4 วัน เป็น 4 วันที่สุดแสนวิเศษเพราะเราต่างได้วิชาจากอาจารย์ชาวอังกฤษเยอะมาก ๆ (ลืมเล่า..วิทยากรที่มาสอนเป็น “2 นักแสดงตลกอังกฤษที่เริ่มต้นงานแสดงพร้อม ๆ คุณ Rovan Atkinson หรือ Mr.Bean ที่ทั่วโลกรู้จัก ชื่อคุณมิชาลิน และอีกท่านซึ่งน่าเสียดายมากที่ผมนึกชื่อไม่ออก ติดอยู่ ณ จุดนี้กว่า 10นาทีกว่าจะเขียนออกได้ครับ) พี่โน้ส ประทับใจครูผู้สอนมาก แต่ช่วงนั้นภาษาอังกฤษยังติดลบ (เข้าขั้นเลวร้าย) แกจึงให้เพื่อนร่วมคลาสอย่างผมช่วยสื่อสารแทน (ซึ่งก็น่าจะเลวร้ายพอกัน) แต่เอาเป็นว่าผมกล้าพูด พี่โน้สเกาะติดผมเป็นวุ้นแปลภาษาโดราเอมอนเลยล่ะ วันรุ่งขึ้นแกเอาวิดีโอเทป VHS “เดี่ยวไมโครโฟน : One Stand Up Comedy ครั้งที่ 1” ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายมาให้ครู ครูเห็นคำว่า “One” ก็บอกว่า “การแสดงน่ะ ทำคนเดียวไม่ได้นะ ต้อง 2 คนขึ้นไป” ..ความหมายของครูก็คือ “คุณจะแสดงคนเดียวก็ได้ แต่คุณต้องมีมโนสำนึกถึงนักแสดงอีกคนเสมอ จะเป็นอากาศ หรือจะเป็นคนดูที่นั่งอยู่ก็ได้เพราะรับส่งบทกัน” เหมือนจะเป็นการเขี่ยผงในตาอะไรบางอย่างให้พี่โน้ส แกมีความสุขมากที่ได้ไขข้อความลับนี้ แกพาครู พาผม(ในฐานะล่าม) ไปฟาดก๋วยเตี๋ยวเรือชักธงด้วยกันที่ซอยทองหล่อ พร้อมระบุว่า “วิชาที่ได้รับมาแม่งโคตรมีความหมายกับพี่เลย”​ ผมประทับใจในอะไรหลาย ๆ อย่างของพี่โน้ส ทั้งท่าทีที่มีต่อประชาชนผู้พบเห็น การหยอดมุขแซวแม่ค้า และมิตรไมตรีที่ “ใส” จริงใจของแก

จำภาพได้ติดตาว่าแกเขียนคำพูดใส่กระดาษรองแก้วของร้าน ให้ครูทั้งสองพกใส่กระเป๋าไว้ในยามไปเที่ยวเมืองไทยต่อ แกเขียนว่า “สวัสดีครับพี่โชเฟอร์ ผมอุดมแต้พานิช ไอ้ตลกจมูกโต ๆ นะครับ ฝรั่งสองคนนี้เป็นครูของผม โปรดบริการเขาเป็นอย่างดีที่สุดด้วย”

หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันโดยพี่โน้สไม่ลืมให้เบอร์ “PacLink” กับผมด้วย และแกเขียนข้อความถึงผมในกระดาษอีกใบว่า “วิชาที่เราได้เรียนด้วยกันแม่งโคตรมีประโยชน์เลยรู้ไหมไอ้น้องหนุ่ย ไว้เรามาใช้มันด้วยกันนะ” .. ผมยังคงเก็บกระดาษแผ่นนั้นไว้จนถึงวันนี้ครับ

S__2531576

จากนั้นไม่นานผมก็ได้ผ่านร้านวิดีโอและได้ซื้อเทป VHS เดี่ยวไมโครโฟนมาดู ..ความรู้สึกตัวสั่นเทาเกิดขึ้นอีกครั้งขณะนั่งอยู่หน้าจอ สบถกับตัวเองเบา ๆ “ชิบหายแล้ว.. นี่กรูไปรู้จักกับใครวะเนี้ย เก่งชิบหายเลย!” … ผมชอบเชียร์คนเก่งครับ ถ้าเปรียบกับดาราสวยหล่อผมเฉย ๆ นะ แต่ถ้าเค้าคนนั้นเก่ง ไม่ว่าจะหน้าตาแบบไหน ผมชอบหมด เพราะค่าของคนมันอยู่ที่ผลของงาน ..ผมติดต่อที่โน้สอีกครั้งหลังจากนั้น 3 เดือนทาง PacLink และแกก็โทรศัพท์กลับมาที่บ้านผม แกบอก “ผมโคตรมีความสุขเลย ทำงานปีละครั้ง อยากไปไหนก็ไป แล้วจดบันทึกไว้” พี่โน้สแก “โน้ตสมชื่อ” ครับ คือแกจะจดทุกสิ่งอย่างที่แกนึกออกระหว่างทางของชีวิต นี่เป็นเหตุผลในการทำเดี่ยวได้ดีของแก .. เป้าหมายการโทรครั้งนั้นของผมคือ “โรงเรียนขอเชิญพี่โน้สมาเดี่ยวไมโครโฟนในงานปัจฉิมนิเทศ” แกตอบปฏิเสธพร้อมเชียร์ผมว่า “คุณนั่นแหละที่พูดได้!” … ใช่ครับ ผมน่าจะพูดได้จากการดูเทปวิดีโอของแกซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นแหละ ต่อมาซักปี ผมถูกทักท้วงจากเจ้าหน้าที่ศูนย์สื่อฯการศึกษา มศว ตอนที่ผมอัดงานชมรมทีวีตอนเรียนมหาวิทยาลัยแล้วว่า “หนุ่ยพูดเหมือนไอ้โน้สอุดมไปว่ะ” ครับ..ผมได้รับอิทธิพลจากพี่โน้สมาเต็ม ๆ เต็มแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งใครใกล้ตัวพี่โน้สจะเป็นหมด ดูการแต่งตัวได้เลย พนักงานพอดีพานิชจะแต่งตัวเหมือนพี่โน้สกันเป็นแถบ ๆ

10360480_10152099859211976_2933489705806458513_n

ผมตัดสินใจสะบัดคาแรคเตอร์นั้นทิ้งไปตอนเริ่มงานใหม่กับพี่จอห์น รัตนเวโรจน์ ในรายการ IE Show.com พี่จอห์นให้ผมใส่แว่นกรอบดำแบบไร้กระจก จุดเริ่มต้นของ “คาแรคเตอร์พิธีกรไอที” ที่ติดตัวไปตลอดชีวิตเริ่มต้นที่จุดนั้นครับ .. 2ปีหลังจากเริ่ม ผมได้เจอพี่โน้สที่ผับไวท์คาเฟ่ ถนนไมตรีจิต พี่โน้สเจอหน้าผมทักทันที “เฮ้ยยยย ผมเห็นคุณใส่แว่น (ทำนิ้วกลม ๆ ทั้งสองมือทาบที่หน้า) คุณใส่แว่นในทีวี ผมดูคุณ ๆ “ ดีใจนะที่พี่โน้สจำได้ ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม ผ่านมาถึงวันนี้ ผมไม่มีอะไรต้องเสียดายอีกแล้ว ผมช่วยงานเดี่ยวฯ พี่โน้สมา 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนเดี่ยว 3 อ.อุดมการช่าง ผมเป็นนักศึกษา ผมไปช่วยเขาขายตั๋ว เตรียมการกันนานมากเพราะสมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยี ไปขายตั๋วก็เหมือนต้องไปปราบจราจล ..ได้ลุยค้นห้องรวมขยะที่โคตรเหม็นของอิมพีเรียลลาดพร้าวอันเนื่องมาจากแม่บ้านดันกวาด “ผังการจองที่นั่ง” ทิ้งไปซะ! (ขอบคุณพี่น้อย หัวหน้างานด้วยที่ช่วยเดินลุยขยะด้วยกัน)

อีกครั้งที่ผมไปช่วยงานพี่โน้สคือตอนโตแล้ว เปิดบริษัทแล้ว ก็เสนอตัวไปทำมาสเตอร์งาน DVD Special Features “เดี่ยว7” ให้ .. พี่โน้สไม่เคยเปลี่ยน ติดรถผมออกมาจากบ้านเพื่อขอไปลงทองหล่อและเล่าอะไรให้ฟังมากมาย ..ผมต่างหากที่เปลี่ยนคือพอเห็นแกยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วผมกลับไม่กล้าโทรไปหาแกอีก … กับ“โซเชี่ยลมีเดี่ยว” เดี่ยวไมโครโฟนแรกในชีวิตของผมนั้น ผมยังไม่กล้าโทรไปเชิญแกเลยนะพี่แต่ “น้าเน็ก” ที่พอได้ยินข่าวการเปิดจองตั๋ววันแรกแกโทรมาเลยเพื่อติวเข้มและสั่งว่าห้ามให้ตั๋วแก วันรุ่งขึ้นแกไปซื้อบัตรแถว 2 จากหน้าราคา 2,000.- มา2ใบ แล้วทวีตบอกแฟน ๆ แกว่าแกจะมาให้กำลังใจผม ประโยคที่ผมจำจากน้าเน็กได้ดีคื“คุณอย่าได้อายที่จะใช้ชื่อเดี่ยวไมโครโฟน เพราะอุดมจะดีใจมากที่มีคนอย่างคุณทำด้วย อุดมเขาไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของชื่อนี้ เพราะมันหมายถึงรูปแบบการแสดงอีกประเภทหนึ่ง

11

..ครับ! วันเสาร์หน้านี้ 7มิถุนายน เวลา 1 ทุ่ม ผมจะขึ้นแสดงโชว์ใหญ่ที่สุดในชีวิตในหอประชุมใหญ่ที่ปรับปรุงใหม่ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยที่ผมใฝ่ฝันขึ้นแสดงไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ ผมไม่รู้หรอกว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ผมรู้แต่ว่าผมตั้งใจให้ดีที่สุดภายใต้ความสามารถที่ฝึกหน้าจอทีวีและ Event มาตลอดระยะเวลา 15 ปีมานี้ ผมจะย่นย่อระยะเวลาศึกษาเรื่องไอทีเทคโนโลยีของผมจาก 15ปีนี้ให้เป็นเส้นเรื่องใหม่ความยาว 2 ชั่วโมงครึ่งที่ผสมผสานสไตล์งาน Comedian ไว้ ..สไตล์เดียวกับที่ศึกษาไว้เมื่อ 20 ปีก่อนกับอุดมแต้พานิชผู้เป็นเต้ยแห่งเรื่องนี้ ให้สมกับคำอวยพรที่เขาเขียนไว้ด้วยหมึกจางๆ “แล้วเรามาใช้มันด้วยกันนะไอ้น้องหนุ่ย”

คาถาจากอุดม แต้พานิช แกได้อ่านบทความผมแล้วส่งมาหา อบอุ่นมากครับ ซึ้งชะมัดครับพี่

คาถาจากอุดม แต้พานิช แกได้อ่านบทความผมแล้วส่งมาหา อบอุ่นมากครับ ซึ้งชะมัดครับพี่

..หนุ่ยจะทำมันให้ชัดขึ้นในอีก 4วันข้างหน้านี้ครับพี่โน้ส! … ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง

หนุ่ยรู้โลกรู้#95

เสาร์นี้หนุ่ยจะโชว์โซเชี่ยลมีเดี่ยวแล้วนะจ้ะ​: เจาะเบื้องหลังให้ฟัง

POSTERFF

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับโชว์โนลิมิต จับมือออร์แกไนเซอร์ดาวรุ่งแห่งยุค เค ทู เอ็กซิบิท ร่วมเนรมิตทอล์กโชว์เดี่ยวขนาดโปรดักชันเกินคาด ครั้งแรกของเจ้าพ่อไอที หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กับก่อการโชว์ครั้งใหญ่ในชีวิต

ทอล์กโชว์ไอที ‘NuiShow โซเชียลมีเดี่ยว: Talk.Tech.Spectacular’

ทอล์กโชว์สนุก ปลุกความคิดสร้างสรรค์ สารพันเคล็ดลับ สำหรับคอโซเชียลในสไตล์เดี่ยวไอที พาคุณย้อนวัยสนุกตั้งแต่ยุค 8-bit ยัน 4G และดิจิทัลทีวีใหม่ของไทย

คร่ำหวอดอยู่ในวงการไอทีมานานกว่า 15 ปี กับ หนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ พิธีกรไอทีตัวจริง ที่ทำทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง สร้างสรรค์ความรู้ด้านไอที และเรียกเสียงฮาจากคนดูมาแล้วค่อนประเทศในทุกช่องทีวี วันนี้กับทอล์กโชว์เดี่ยวครั้งแรกในชีวิต NuiShow โซเชียลมีเดี่ยว : Talk.Tech.Spectacular ที่ทุ่มทุนสร้างหมดหน้าตักด้วยโปรดักชันขนาดเกินคาด จากฝีมือทีมผู้จัดงานคุณภาพแถวหน้าเมืองไทย โชว์โนลิมิต ร่วมกับ เค ทู เอ็กซิบิท อัดแน่นไปด้วย ฉาก เทคนิคพิเศษตระการตาสมใจ ให้คนดูได้ฟินและอินเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกโซเชียลด้วยกัน งานนี้ เจ้าพ่อไอทีอย่าง หนุ่ย ลงเนื้องานเองตั้งแต่คิดคอนเซปต์ วางเส้นเรื่อง ยันไปถึงเทคนิคโปรดักชันที่สร้างสรรค์มาอย่างล้ำเทรนด์ เพื่อขอบคุณแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานกันมานานตลอด 15 ปีที่ผ่านมา

เมื่อกล่าวถึงเก้าอี้ก็ต้องเล่าความพิเศษว่าการแสดงนี้ถือเป็น “โชว์แรก” หลังจากที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยปิดปรับปรุงไปตั้งแต่ปลายปีก่อน

“เก้าอี้ ในโชว์นี้ใหม่เอี่ยมทั้งหมด 1,599 ตัว เป็นเก้าอี้ที่ถูกส่งตรงจากประเทศอังกฤษ รุ่นที่ใช้ในโรงละครขนาดใหญ่ของโลก ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ส่งเสียงดังยามผู้ชมลุกจากที่ และดูดซับเสียงได้อย่างดีเยี่ยม แถมมีขนาดที่กว้างขึ้น นั่งสบาย ทั้งนี้ต้องขอบคุณในรสนิยมและการดำเนินงานโดยท่านอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม คุณชาย นครชัย ที่ปรับปรุงหอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยได้อย่างน่าทึ่งเช่นนี้ อยากให้ทุกๆ คนมาเห็น มาใช้เก้าอี้ใหม่จริง ๆ ครับ สุดยอดจริง งานเรางานแรก” หนุ่ย พงศ์สุข กล่าวเสริม

กว่า 2 ชั่วโมงเต็มที่ #NuiShow จะพาผู้ชมสะท้อนเปลือกโลกโซเชียลที่ทั้งได้ความรู้และเฮฮาไปกับสาระ พร้อมแขกรับเชิญเซอร์ไพรส์ที่แฟน ๆ แบไต๋ฯ จะรู้แน่ ๆ ว่าใคร? พวกเขาจะพาคุณย้อนอดีตสู่โลกไอทียุคแรกเริ่ม และชวนขับเคลื่อนสู่โลกอนาคตที่ทุกคนต้องประสบพบเจอแน่นอน มั่นใจได้ว่าด้วยการอธิบายเรื่องยากให้เข้าใจกันได้ง่ายตามสไตล์ หนุ่ย พงศ์สุข อันเป็นความถนัดและภาพจำ จะทำให้คุณเพลิดเพลินอย่างที่สุด

จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2557 เวลา 19.00 น. (ประตูเปิด 18.30 น.) ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

บัตรราคา 300 / 600 / 1,000 / 1,500 / 2,000 บาท

จับจองความสนุกแบบโซเชียลมีเดี่ยวได้แล้ววันนี้ ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ thaiticketmajor.com และเว็บไซต์รวมข่าวไอที Beartai.com หรือ อินสตาแกรม @nuishow Twitter #nuishow