(Advertorial)
สำหรับใครที่มีงบประมาณในการซื้อมือถือใหม่ไม่ถึง 2 หมื่นบาท แต่อยากได้สมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ทุกองค์ประกอบจัดมาในระดับท็อปทั้งประสิทธิภาพเครื่อง หน้าจอ กล้อง ระบบเสียง หรือการเชื่อมต่อเครือข่าย เราแนะนำ Huawei P20 ให้เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าใช้ที่สุดด้วยเหตุผลต่อไปนี้ครับ
1. คุณภาพกล้องระดับท็อป เชื่อใจได้
จุดเด่นของกล้องในสมาร์ทโฟนตระกูล Huawei P20 เลยคือเป็นกล้องที่มาพร้อม AI หรือปัญญาประดิษฐ์ครับ ตัว Master AI นั้นสามารถวิเคราะห์ลักษณะภาพที่กล้องเห็นว่าคือภาพอะไร แล้วปรับลักษณะภาพให้เหมาะสมกับภาพแนวนั้นๆ ได้ เช่นถ่ายภาพต้นไม้ กล้องจะวิเคราะห์ว่าเป็น Greenery แล้วปรับสีเขียวให้สดขึ้น หรือถ่ายเห็นท้องฟ้าเยอะๆ กล้องจะปรับภาพแบบ Blue Sky เพื่อเร่งความสดให้ท้องฟ้าให้ฟ้าเข้มขึ้น ซึ่งกระบวนการปรับของ P20 นั้นปรับให้เห็นตั้งแต่ก่อนถ่ายรูปเลย ว่าภาพที่เปลี่ยนไปจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้ากล้องปรับแล้วไม่ถูกใจก็สามารถเลือกปิดการทำงานของ AI ในจุดนั้นๆ ได้
แล้ว AI ของ P20 ยังช่วยแนะนำเรื่องการจัดองค์ประกอบภาพให้ผู้ถ่ายได้ด้วย เช่นเมื่อถ่ายภาพวิว ในหน้าเล็งภาพจะขึ้นเส้นระนาบเพื่อช่วยในการปรับเส้นขอบฟ้าให้ตรง หรือเมื่อถ่ายภาพหมู่จะสามารถแนะนำการจัดองค์ประกอบ เพื่อให้ถ่ายติดทุกคนได้
โหมดถ่ายภาพบุคคลของ Huawei P20 ก็น่าสนใจครับ มีการใช้กล้อง 2 เลนส์ด้านหลังเพื่อคำนวณระยะเบลอฉากหลังให้ได้เนียนตา มีคำสั่งเพิ่มเข้ามาใหม่คือ 3D Lighting Effect เลือกทิศทางของแสงที่จะเข้าใบหน้าได้ แถมยังปรับตำแหน่งแสงหลังจากถ่ายไปแล้วได้ด้วย ส่วนกล้องหน้าถ่ายภาพ Selfie ได้สว่างใสและละลายหลังได้เนียนอยู่แม้จะมีแค่กล้องเดียว ก็เป็นภาพคนละสไตล์จากภาพคมเข้มของกล้องหน้านะครับ
โหมดที่ว้าวสุดของ Huawei P20 น่าจะเป็น Night Mode เปิดรับแสง 6 วินาทีไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
ในสมาร์ทโฟนตระกูล Huawei P20 นั้นมี Night Mode ทำงานร่วมกับ AI นะครับ เรียกว่า AIS หรือ AI Image Stabilizer ที่สมาร์ทโฟนจะใช้เซนเซอร์ในเครื่องเพื่อชดเชยการสั่นไหวของกล้อง แล้วแบ่งการถ่ายภาพออกเป็นช่วงๆ เช่นถ่ายภาพนาน 4 วินาที อาจจะแบ่งถ่ายครั้งละวินาทีออกมา 4 ภาพ เพื่อใช้ AI ปรับตำแหน่งทุกภาพให้เท่ากัน แล้วเอาผลที่ได้มาซ้อนกัน จนได้ภาพที่สว่างขึ้นกว่าการถ่ายภาพตามปกติ และไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
กล้องของ Huawei P20 นั้นพัฒนาร่วมกับ Leica เช่นเคยนะครับ โดยกล้องตัวแรกเป็นเลนส์ถ่ายภาพสี ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.8 ส่วนเลนส์อีกตัวเป็นเลนส์ถ่ายภาพขาวดำความละเอียด 20 ล้านพิกเซล f/1.6 ซึ่งเซนเซอร์รับภาพมีขนาด 1/2.3 นิ้ว ถือเป็นเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป จึงให้คุณภาพที่ดี จนกวาดคะแนนจาก DxOmark ไป 102 คะแนน ซึ่งไม่น้อยเลย
ตัวอย่างภาพจาก Huawei P20
2. หน้าจอของ Huawei P20 นั้นดีมาก
หน้าจอของ Huawei P20 นั้นเป็นหน้าจอ IPS-LCD แบบ FullHD+ สัดส่วน 18.7:9 นะครับ แม้ว่าจะไม่ใช่จอระดับ OLED แต่หน้าจอของ P20 นี้ก็ให้สีสันดีที่มาก เป็นจอที่ให้ Contrast ได้ดี แสดงผลสีดำได้มืดใกล้เคียงกับจอ OLED เลย แล้วผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งสีสันของจอได้อีกเยอะ ทั้งปรับโหมดสีให้สดใสขึ้น หรือเปิดโหมด Natural Tone เพื่อปรับโทนสีหน้าจอให้เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อม หรือโหมด Eye Comfort สำหรับตัดแสงสีฟ้า เพื่อให้สบายตาเวลาใช้ตอนกลางคืนอีกด้วย
ส่วนใครที่ไม่ชอบให้จอแสดงรอยบากด้านบน ก็สามารถสั่งปิดรอยแหว่งใน settings ของเครื่องได้ง่ายๆ แต่เราว่ามีรอยแหว่ง มันก็แสดงความทันสมัยของสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ได้ดีนะ
3. การเชื่อมต่อ รองรับทั้ง VoLTE และ VoWiFi
บางคนอาจจะคิดว่า VoLTE และ VoWiFi นั้นเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่ใครที่ได้ลองใช้ 2 ระบบนี้แล้วต้องติดใจจนไม่อยากใช้มือถือที่โทรออกรับสายในระบบเดิมเลย VoWiFi หรือ Voice Over WiFi คือการคุยกันด้วยเสียงผ่านระบบ WiFi ทำให้สามารถใช้โทรศัพท์รับสายและโทรออกได้แม้จับได้แค่สัญญาณไวไฟแต่ไม่สามารถจับสัญญาณโทรศัพท์ได้ ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคนที่ท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ จะสามารถโทรออกและรับสายได้เหมือนอยู่ในประเทศเลย ค่าบริการก็อัตราเดียวกับที่ใช้ในประเทศ
ส่วน VoLTE หรือ Voice Over LTE คือการโทรออกผ่านระบบ 4G LTE ทำให้เสียงสนทนาคมชัดกว่าการโทรปกติ และโทรออกได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอครู่หนึ่งกว่าสัญญาณอีกฝั่งจะดังครับ ที่สำคัญคือการโทรผ่าน VoLTE ทำให้เน็ตไม่ตัดด้วยนะ ใครที่เล่นเกมอยู่แล้วสายเข้า ก็ไม่ต้องหงุดหงิดเพราะเน็ตตัดด้วย
ซึ่ง Huawei P20 รองรับทั้ง 2 ระบบนี้ ใครที่ใช้ P20 แล้วไอคอน VoLTE กับ VoWiFi ไม่ขึ้น ก็ลองปรึกษาผู้ให้บริการโทรศัพท์ดูนะครับ อาจจะต้องมีการตั้งค่าอะไรอีกนิดหน่อยถึงจะใช้ได้ แถม P20 ยังรองรับ 4G LTE ได้แบบ 2 ซิมพร้อมกันด้วยนะ
4. เรื่องเสียงของ Huawei P20 ล่ะ ลืมได้ยังไง
Huawei P20 นั้นมาพร้อมกับระบบประมวลผลเสียง Dolby Atmos นะครับ ก็ช่วยทำให้เสียงดังกังวาลขึ้น และทำให้มิติของเสียงดีขึ้น โดยเฉพาะการฟังผ่านสาย (แต่ต้องเสียบจากช่อง USB-C นะ P20 ไม่มีช่อง 3.5 mm แล้ว) ส่วนการฟังจากลำโพงของตัวเครื่องก็ให้เสียงดังดี แม้ว่าจะมีลำโพงเดียว ไม่ใช่ลำโพงคู่สเตอริโอแบบที่รุ่นพี่ Huawei P20 Pro จะทำได้
ส่วนใครที่ชอบฟังเพลงแบบไร้สาย ก็น่าจะถูกใจที่ Huawei P20 รองรับ Codec เสียงผ่าน Bluetooth เยอะมาก ทั้ง aptX HD, LDAC, AAC รวมถึงมาตรฐานใหม่อย่าง HWA (Hi-res Wireless Audio) คือไม่ว่าหูฟังหรือลำโพงจะเป็นแบบไหน P20 ก็สามารถส่งเสียงที่ดีที่สุดที่อุปกรณ์รับจะรับได้ไปให้ได้ เจ๋งป่ะล่ะ (อ่านความสำคัญของ Codec ในการส่ง Bluetooth ได้จากบทความนี้เลย)
5. ประสิทธิภาพของ Huawei P20 มาจาก CPU ตัวท็อปของค่าย
Huawei P20 ใช้ชิป Kirin 970 ซึ่งเป็นชิปที่แรงที่สุดของหัวเว่ยตอนนี้ โดยมี RAM 4 GB และหน่วยความจำในเครื่องอีก 128 GB ซึ่งก็ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีทั้งการใช้งานทั่วไป และการเล่นเกม (ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเกมด้วยว่าปรับแต่งมาให้เหมาะกับชิป Kirin มากแค่ไหน) แต่ในช่วงวันแรกๆ ที่ใช้งานอาจจะรู้สึกหน่วงๆ หน่อย เพราะ AI ต้องใช้เวลาเรียนรู้ในการปรับจูนเครื่องให้เหมาะสมนะ
ความพิเศษของ Kirin 970 นั้นอยู่ที่มีหน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์หรือ NPU อยู่ในตัวด้วย ทำให้วิเคราะห์ภาพ หรือวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานได้รวดเร็วกว่าการใช้ CPU เพียวๆ เช่น ในแอปกล้องที่มีการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์อย่างรวดเร็วว่าภาพในเฟรมนี้คืออะไร จะได้ปรับรูปแบบการถ่ายภาพให้เหมาะสม หรือแอปอื่นๆ อย่างแอปแปลภาษาที่ NPU ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้นครับ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Kirin 970 จากแอป Geekbench 4.2 นั้นได้คะแนน Multi-core ราว 6600 คะแนน ก็เป็นคะแนนที่สูงกว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป Snapdragon 835 นะ
ร่ายเหตุผลดีๆ ของ Huawei P20 มาให้ฟังขนาดนี้ จะไม่สนใจได้ยังไง นี่เรายังไม่ได้ชูเรื่องความสวยงามในการออกแบบให้ฟังเลยนะ แต่ดูรูปในบทความนี้ก็น่าจะเห็นว่าฝาหลังมันดีไซน์สวยจริงๆ จับก็ถนัดมือ
Huawei P20 นั้นเปิดตัวที่ราคา 19,990 บาท แต่หลายค่ายมือถือก็จัดโปรพิเศษสมัครพร้อมแพ็กเกจได้ค่าเครื่องที่ถูกลงไปอีก ก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่เลยนะครับ