ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเรียนรู้ของเครื่องจักร (machine learning) และการเรียนรู้แบบลึกซึ้ง (deep learning) เริ่มมีอยู่ในทุกหนแห่งรอบตัวเราแล้วอย่างชัดเจนในปีที่ผ่านมา แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไปในปี 2019?
AI ทำให้เกิดความสามารถใหม่ ซึ่งไม่เคยทำได้มาก่อนในอดีตที่เริ่มปรากฏขึ้นอย่างมหัศจรรย์ โดยในอนาคต AI ไม่เพียงแต่ทำให้เครื่องจักรทำในสิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อนตั้งแต่ช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ยังสามารถทำการคิด การวางแผน วางกลยุทธ์ และการตัดสินใจ ได้อย่างน่าทึ่ง และ AI กำลังจะเข้ามาอยู่บนอุปกรณ์ต่างๆ รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน, อุปกรณ์ของใช้ต่างๆ, หุ่นยนต์ในโรงงาน ไปจนถึง social media ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเด่นชัด เกี่ยวกับ AI ในปี 2019 สามารถสรุปได้ดังนี้
1. AI กลายเป็นประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น
การกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ เช่น กำแพงภาษีและข้อจำกัดในการส่งออกสินค้าและบริการ ที่ใช้ในการสร้าง AI ที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ จึงทำให้จีนได้พยายามที่จะพึ่งพาตนเองในการวิจัยและพัฒนาด้าน AI มากขึ้นอย่างมาก จนในที่สุดรัฐบาลจีนได้ประกาศว่า จะเป็นประเทศชั้นนำอันดับหนึ่งของโลกด้าน AI ภายในปี 2030
บริษัท Huawei ผู้ผลิตสินค้าไฮเทคของจีน ได้ประกาศแผนการพัฒนาไมโครชิพประมวลผล AI ของตัวเอง ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาอุตสาหกรรม AI จากผู้ผลิตเทคโนโลยีในสหรัฐฯ อย่างเช่น Intel และ Nvidia
ในเวลาเดียวกัน Google ได้เผชิญหน้ากับการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะ เกี่ยวกับการมุ่งมั่นทำธุรกิจกับบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีน (ซึ่งบริษัทหลายแห่งของสหรัฐฯ มีการเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน) ในขณะเดียวกันก็ต้องถอนตัวออกจากการทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นชั้นความลับของทางการทหาร
ดังนั้น การช่วงชิงความเหนือชั้นด้านเศรษฐกิจใหม่ ที่เริ่มใช้ AI ในการขับเคลื่อน จะทำให้ทั้งสองประเทศมีความตึงเครียดมากขึ้น
2. AI และระบบอัตโนมัติแทรกซึมเข้าไปในทุกธุรกิจ
หลังจากใช้เวลาไม่กี่ปี พบว่า AI สามารถแทรกตัวเข้ามามีอิทธิพลกับภาคธุรกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนมากมักจะมีความพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยการริเริ่มใช้ AI จากโครงการนำร่อง สู่การปรับใช้และแพร่ขยายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ในภาคบริการทางการเงิน สามารถทำการบันทึกข้อมูลได้แบบเรียลไทม์จำนวนหลายพันรายการต่อวินาที จะถูกแยกแยะ และวิเคราะห์โดยอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องจักร (machine learning) ไปจนถึงภาคค้าปลีกจะสามารถการซื้อขาย โดยใช้ AI เพื่อหาวิธีการที่จะทำให้สามารถขายสินค้าได้ดีขึ้นในรูปแบบเฉพาะราย (personalization)
โรงงานผู้ผลิตจะใช้เทคโนโลยี AI ในการทำนายได้อย่างแม่นยำว่าเครื่องจักร เช่น หุ่นยนต์ มีขีดความสามารถในการผลิตอย่างไร และมีแนวโน้มจะเสียหายหรือทำงานล้มเหลวเมื่อใด ซึ่งในปี 2019 เราจะได้เห็นว่าความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้นว่าเทคโนโลยีอันชาญฉลาดสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ และสามารถทำงานในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการใช้แรงงานมนุษย์
ในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าในภาคธุรกิจจำนวนมากมีการใช้ข้อมูลของตนเพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ การสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในการทำธุรกรรม และกิจกรรมของลูกค้าภายในอุตสาหกรรมทำให้ธุรกิจมีการใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และพยากรณ์เป็นจำนวนมาก จนทำให้ธุรกิจในรูปแบบ data-as-a-service สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งในปี 2019 บริษัทต่างๆ จะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อสร้างคุณค่าของข้อมูลที่ได้สร้างไว้ด้วยมูลค่ามหาศาล
3. AI จะสร้างตำแหน่งงานได้มากกว่าตำแหน่งงานที่ AI เข้าไปแทนที่และสูญหายไป
การเพิ่มขึ้นของเครื่องจักรและหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อาจจะนำไปสู่การว่างงานของมนุษย์ และเกิดประเด็นขัดแย้งทางสังคม แรงงานมนุษย์อาจจะไร้ประโยชน์ในอนาคต ซึ่งเริ่มเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแล้ว
อย่างไรก็ตาม Gartner ได้คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2019 นี้ AI จะสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ โดยรายงานของ Gartner พบว่า ตำแหน่งงานทางด้านการศึกษาเฉพาะทางและด้านการดูแลสุขภาพจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พนักงานคลังสินค้าและพนักงานในธุรกิจค้าปลีก จะเป็นตำแหน่งงานที่จะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติมากที่สุด แต่เมื่อพูดถึงแพทย์และนักกฎหมาย ผู้ให้บริการ AI ได้พยายามที่จะนำเสนอเทคโนโลยีของตน ที่สามารถทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นมากกว่าการเข้าแทนที่แรงงานดังกล่าว
ซึ่งหมายความว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตำแหน่งงานที่ทำร่วมกับเทคโนโลยี ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการปรับใช้เทคโนโลยี และฝึกอบรมเพิ่มทักษะพนักงานในการทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติ ด้วยการปรับกระบวนการการศึกษาและเรียนรู้ใหม่ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
สำหรับการให้บริการทางด้านการเงิน ที่อดีตซีอีโอของ Citigroup คาดการณ์ในปี 2017 ว่าแรงงานมนุษย์ในภาคส่วนการเงินจะมีจำนวนลดลง 30% ภายในห้าปี ด้วยฟังก์ชั่น back-office ที่เข้ามาแทนที่แรงงานดั้งเดิมด้วยระบบอัตโนมัติที่จัดการโดย AI มากขึ้น ซึ่งเราอาจได้เห็นการคาดการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นจริงภายในปลายปี 2019
4. ผู้ช่วย AI จะมีประโยชน์อย่างแท้จริง โดยถึงมือผู้คนทั่วไป
AI มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา หรือแม้แต่ในการทำงาน ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้มาถึงจุดที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้กังวล หรือให้ความสำคัญว่าในการค้นหาด้วย Google ซื้อสินค้าที่ Amazon หรือชม Netflix นั้นมีการขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยการคาดการณ์พยากรณ์พฤติกรรมของผู้บริโภค ที่มีความแม่นยำอย่างสูง
ความรู้สึกที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น เกี่ยวกับการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์อัจฉริยะ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีการโต้ตอบกับผู้ช่วยที่เป็น AI เช่น Siri, Alexa หรือ Google Assistant เป็นต้น ซึ่งสามารถช่วยเหลือเรา และสามารถเข้าใจแหล่งข้อมูลที่มีอยู่มากมายในโลกยุคใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการด้วยเสียงของเรา หรือการใช้นิ้วสัมผัส
นอกจากนี้ ผู้ช่วยที่เป็น AI ยังได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการทำความเข้าใจผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ เนื่องจากอัลกอริทึมภาษามนุษย์ (natural language algorithms) ที่ใช้ในการเข้ารหัสคำพูดให้ออกมาเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ทำให้มนุษย์และคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารกันได้มากขึ้น และมีโอกาสความผิดพลาดลดลงเกือบเข้าใกล้ศูนย์
เห็นได้ชัดว่าการสนทนาระหว่าง Alexa หรือ Google Assistant กับมนุษย์ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากในปัจจุบันและเริ่มเป็นที่ยอมรับ ทำให้เป็นไปได้ว่า ภายในปี 2019 มนุษย์จะเริ่มมีการพูดคุยกับเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่างๆ รอบตัวด้วยภาษาพูดมากขึ้น และเครื่องจักรก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้มากขึ้น จนเป็นเรื่องธรรมดา
ประวัติผู้เขียน พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
การศึกษา
- ปริญญาเอก วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต (Ph.D. in EE) (วิศวกรรมโทรคมนาคม), Florida Atlantic University ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (MS in EE) (วิศวกรรมโทรคมนาคม), The George Washington University ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (MS in EE) (วิศวกรรมไฟฟ้า) Georgia Institute of Technology ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร (เกียรตินิยมเหรียญทอง), โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 26, จปร. รุ่น 37)
- มัธยมปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
หลักสูตรประกาศนียบัตร
- หลักสูตรส่งทางอากาศ กองทัพบก
- หลักสูตรจู่โจม กองทัพบก
- หลักสูตรชั้นนายร้อยเหล่าทหารสื่อสาร กองทัพบก
- หลักสูตรอบรมกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เพื่อดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง รุ่นที่ 3
- หลักสูตรชั้นนายพันเหล่าทหารสื่อสาร กองทัพบก
- หลักสูตรหลักประจำเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 84 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
- หลักสูตรเสนาธิการทหาร วิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 51
- หลักสูตรการบริหารทรัพยากรเพื่อความมั่นคง (Defense Resourse Management) โดยทุน International Military Education and Training (IMET) program, Naval Postgraduate School ประเทศสหรัฐอเมริกา
- หลักสูตร Streamlining Government Through Outsourcing Course โดยทุน International Military Education and Training (IMET) program, Naval Postgraduate School ประเทศสหรัฐอเมริกา
- หลักสูตรเสนาธิการร่วม Joint and Combined Warfighting Course โดยทุนกระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกา ในโครงการต่อต้านก่อการร้ายสากล (Counter Terrorism Fellowship Program), National Defense University ประเทศสหรัฐอเมริกา
- หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) วิทยาลัยการยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง วตท. รุ่นที่ 18 สถาบันวิทยาการตลาดทุน
- หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 57 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
- หลักสูตรวิทยาการประกันภัยระดับสูง (วปส.) รุ่นที่ 6 สถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
เกียรติประวัติ
- ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการสื่อสารดิจิทัล มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสารโทรคมนาคมจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ด้วยอันดับที่ 1 (เกียรตินิยมเหรียญทอง)
- ได้รับทุนจากกองทัพบกเพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอก
- ได้รับโล่ห์เกียรติยศจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าด้วยคะแนนสูงสุดในวิชาผู้นำทหาร
- ได้รับเกียรตินิยมปริญญาเอก Outstanding Academic Achievement จาก Tau Beta Pi Engineering Honor Society และ Phi Kappa Phi Honor Society
- ได้รับทุนการศึกษาระดับประกาศนียบัตรด้านความมั่นคง จากรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา
- ได้รับทุนวิจัยระดับปริญญาเอกจาก EMI R&D LAB (Collaboration between Florida Atlantic University and Motorola, Inc.), Florida Atlantic University. ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2556 จากมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารได้รับการจัดอันดับ 1 ใน 25 Young Executives ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในปี 2555 จากนิตยสาร GM
- ประกาศเกียรติคุณ “โครงการวิทยาศาสตร์สู่ความเป็นเลิศ” พ.ศ. 2556 จากคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร และโทรคมนาคม วุฒิสภา
- ได้รับการจัดอันดับ 1 ใน 30 นักยุทธศาสตร์แห่งปีที่อยู่ในระดับผู้นำองค์กร ปี พ.ศ. 2556 จากนิตยสาร Strategy + Marketing Magazine.
- รับพระราชทานรางวัลเทพทอง ครั้งที่ 16 ในฐานะองค์กรดีเด่น ประจำปี 2557
- ได้รับรางวัล “คนดี ความดี แทนคุณแผ่นดิน” ประจำปี 2558 สาขาการสื่อสารโทรคมนาคม จากคณะกรรมการรางวัลไทย
- ได้รับรางวัล “ผู้นำเสนองานวิจัยดีเด่น” จากสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2558
- ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในนักยุทธศาสตร์ในระดับประเทศ ปี พ.ศ. 2558 จากนิตยสาร Strategy + Marketing Magazine
- ได้รับรางวัล “นักบริหารดีเด่นแห่งปี” ประจำปี 2559 Executive of the Year 2016 สาขานวัตกรรมด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม จากคณะกรรมการรางวัลไทย