วิกฤตค่าฝุ่นทะลุ PM 2.5 นั้นน่ากลัวกว่าที่คิด! เพราะในตอนนี้มันได้ครอบคลุมแทบจะทั่วทุกเขตของกรุงเทพแถมยังกระจายไปจังหวัดรอบ ๆ เป็นที่เรียบร้อย (ระยอง สระบุรี ฯลฯ) ซึ่งที่น่ากลัวคือ “หน้ากากอนามัยธรรมดาป้องกันไม่ได้”
แต่ก่อนจะไปดูหน้ากากทั้งหลาย เรามาดูปัจจัยสำคัญกันเสียก่อนว่ามีอะไรบ้างที่ใช้ในการป้องกันมลภาวะทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพดังนี้
- ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5: ตัวย่อกับตัวเลขที่ว่านี้คือขนาดของฝุ่นละออง 2.5 ไมครอน ซึ่งมันเล็กประมาณ 1 ใน 25 เท่าของเส้นผมมนุษย์และขนจมูกมนุษย์ของเรานั้นไม่สามารถกรองได้
- ควรมีความแนบกระชับกับใบหน้า: เพื่อที่จะได้มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศและลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเกิดโรคจากอนุภาคปนเปื้อนในอากาศชนิดต่าง ๆ
- มาตรฐานของหน้ากาก: โดยหลัก ๆ แล้วจะมีหน่วยงานที่คอยวัดมาตรฐานของหน้ากากป้องกันฝุ่นหรืออนามัยอยู่ 3 ประเทศใหญ่ ๆ คือ อเมริกา (NIOSH Standard, NIOSH 42 CFR 84), ยุโรป (European Standard, EN 149) และมาตรฐานออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ (Australia/New Zeeland Standard, AS/NZS 1761) แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องซีเรียสไล่หาตัวย่อเหล่านี้ให้วุ่นวายขนาดนั้นหรอกครับหาแค่คำว่า N95 บนบรรจุภัณฑ์ก็พอ
หน้ากากกรองอากาศชนิดกรองอนุภาค
หน้ากากที่สามารถกันฝุ่นละอองที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ไมครอนหรือใหญ่กว่าได้มากถึง 95% และจะถูกเรียกว่า N95 ซึ่งเป็นมาตรฐานจากทางฝั่งอเมริกาของ NIOSH (National Institute for Occupational Safety and Health) หรือหน่วยงานวิจัยด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้ นี่คือหน้ากากที่เหมาะสมที่สุดแก่การรับมือกับอากาศภายนอก
แต่กระนั้นก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือเวลาใส่จะค่อนข้างหายใจลำบาก แต่ในปัจจุบันก็ได้มีหลากหลายแบรนด์ผลิตรุ่นใหม่ ๆ กลบจุดด้อยนี้ลงไปแล้วด้วยการเพิ่มตัวช่วยหายใจเข้ามา ซึ่งตอนนี้หลายร้านค้าออนไลน์ก็จัดโปรโมชั่นลดราคากันอยู่นะ อาทิ OfficeMate, Shopee, Homepro และ Lazada
ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ
หน้ากากประเภทนี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านค้าสะดวกซื้อทั้งหลาย (7-11, Family Mart, ร้านขายยา ฯลฯ) เพียงแต่อาจจะต้องอ่านหน้าซองดีๆ ว่ามีคุณสมบัติผ่านการกรองไม่น้อยกว่า 95% ตามมาตรฐานของสถาบันอาชีวอนามัย และสุขภาพ (NIOSH) จากประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ เพราะหากเป็นตัวธรรมดาจะสามารถกรองได้แค่มลภาวะฝุ่นละอองที่มีมวลปกติเห็นด้วยตาเปล่าได้เท่านั้น (ควันรถ, ฝุ่นจากการกวาดพื้น ฯลฯ) และทั้งนี้หากใช้เสร็จแล้วก็ควรจะทิ้งเลยเพราะจะแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ครับ
หน้ากากอนามัยผ้าฝ้าย
มีข้อดีเหมือนผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษคือสามารถหาซื้อได้ง่าย แต่อาจจะต้องเป็นร้านค้าที่มีโซนเครื่องแต่งหน้า – ความสวยความงาม ซึ่งเราก็จะต้องอ่านหน้าซองก่อนเช่นกันครับว่าได้มาตรฐานมีคุณสมบัติผ่านการกรองไม่น้อยกว่า 95% ตามมาตรฐานของสถาบันอาชีวอนามัย และสุขภาพ (NIOSH) จากประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ แต่ข้อดีของหน้ากากอนามัยประเภทนี้คือสามารถนำไปซักทำความสะอาดมาใช้ใหม่ได้
ถ้าหาหน้ากากข้างบนไม่ได้จริง ๆ … หน้ากากป้องกันสารเคมีคือตัวเลือกที่น่าสนใจเหมือนกันนะ (ต้องหาไม่ได้จริง ๆ นะ!)
นี่คือหน้ากากที่ใช้ในงานเชิงอุตสาหกรรมพ่นสี เคมี ปิโตเคมี ฯลฯ ที่สามารถป้องกันได้อย่างชะงัดนัก ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดอณุภาคที่เล็กไปจนถึงใกล้เคียงฝุ่นละออง PM 2.5 จึงวางใจในการป้องกันได้ แถมราคาก็ไม่ได้แพงเกินกว่าจะหยิบจับเป็นเจ้าของ (1,000 บาทต้น ๆ) ซึ่งถ้าจะซื้อจริงๆ ผู้เขียนแนะนำให้ซื้อผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ต่าง ๆ ได้เลยครับ
อ้างอิง: 3M