เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562 มีข่าวช็อกวงการการเงินโลก เมื่อ Facebook และบริษัทพันธมิตรได้ประกาศเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Libra (อ่านว่า ลิบร้า) ซึ่งจะเริ่มให้บริการในต้นปี 2020 Libra (ลิบร้า) สกุลเงินจาก Facebook ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทชั้นนำต่าง ๆ คืออะไร ส่งผลกระทบกับเรา กับโลกใบนี้ยังไง?! เราสรุปตั้งแต่ต้นจนจบให้คุณเข้าใจภาพรวมทั้งหมดครับ
Libra คืออะไร?
Libra เป็นสกุลเงินดิจิทัลนี้อิงบนพื้นฐานของ Blockchain เทคโนโลยีที่พิสูจน์มาแล้วว่าเชื่อถือได้สูง มีความโปร่งใส แต่ไม่เหมือน Bitcoin ต้นตระกูลเงิน cryptocurrency ของ Satoshi Nakamoto เพราะ Libra ตั้งใจที่จะเป็นสกุลเงินหลักของโลก
ซึ่งจุดตายที่ทำให้ Bitcoin ไม่สามารถใช้ในวงกว้างได้ เป็นเพราะความผันผวนที่สูงของมัน วันหนึ่งซื้อ Bitcoin มา 10 บาท พรุ่งนี้มูลค่ามันอาจจะเหลือ 5 บาทแล้วก็ได้ ทำให้มันเหมาะสำหรับนักเก็งกำไรเท่านั้น ไม่เหมาะเอาไปซื้อขายจริง ซึ่ง Libra แก้ไขปัญหานี้ได้
Libra นั้นเปรียบเสมือน ‘เงินสด’ ที่อยู่ในสมาร์ตโฟน ในอนาคตคุณสามารถซื้อเหรียญ Libra ได้จากแอปพลิเคชั่น Libra Wallet, ร้านสะดวกซื้อ หรือแม้กระทั่งร้านชำใกล้บ้านคุณ วิธีการซื้อเหรียญคือ คุณจ่ายเงินสดเพื่อซื้อเหรียญ Libra จากร้านค้าได้เลย
รูปแบบการทำงานของ Libra
Libra มีรูปแบบการทำงานที่เป็น Stable Coin หรือค่าเงินคงที่ (หรือพยายามจะคงที่) ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้เราต้องใช้หลักการ “นำสินทรัพย์มาค้ำประกัน แล้วค่อยเพิ่มเงินในระบบ” แนวคิดนี้มันคือหลักการเดียวกับการพิมพ์เงินใช้ในประเทศนั้นเอง เมื่อต้องการให้เงินในระบบ Libra มีมากขึ้น ก็ต้องมีผู้ลงทุนเอาทรัพย์สินมูลค่าเท่าจำนวนเหรียญ Libra ที่จะเพิ่มขึ้นไปวางค้ำประกันไว้ แล้วถ้าจะถอนทรัพย์สินที่ค้ำประกันไว้ออกมา ก็ต้องเก็บเงินในระบบจำนวนเท่าทรัพย์สินนั้นออกไป ทำให้เงิน Libra = ของที่มีมูลค่าจริง ค่าเงินจึงไม่ขึ้นๆ ลงๆ เหมือน Bitcoin และ cryptocurrency ทั่วไปที่เอากำลังขุดมาแทนมูลค่าทรัพย์สิน
สินทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันมูลค่าใน Libra
สินทรัพย์ที่คาดการณ์ว่า Facebook จะใช้ในการอ้างอิง หรือค้ำประกันมูลค่าของเงินสกุล Libra อาจไม่ใช่เงิน Fiat หรือเงินที่ออกโดยรัฐบาลสกุลใดสกุลหนึ่งเพียงสกุลเดียว แต่อาจเป็นการอ้างอิงกับเงินในสกุลหลักตามคอนเซ็ปต์ ‘ตะกร้าเงิน’ (Currency Basket) ที่อาจประกอบด้วยเงินสกุลต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, เยน, ปอนด์, ฟรังก์สวิส, หยวน ฯลฯ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ Libra มีเสถียรภาพ น่าเชื่อถือกว่าการอ้างอิงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ชนิดใดชนิดหนึ่งอย่างทองคำ, น้ำมัน หรือเงิน Fiat สกุลใดสกุลหนึ่ง เพียงสกุลเดียว ส่วนคนที่ลงทุนทรัพย์สินไว้ก็จะได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยจากเงินค้ำประกันอยู่
บริษัทที่จะเข้ามาให้การสนับสนุน มีส่วนร่วมในการประมวลผล, ยืนยันธุรกรรม ทำหน้าที่ Nodes (เครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการประมวลผล การทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน network นั้น ๆ) ของเครือข่ายเงินสกุลนี้ ต้องได้รับการอนุมัติ และจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ Facebook เป็นเงิน 10 ล้านดอลลาร์ สำหรับสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล และเปิดใช้งานเครือข่าย
ปัจจุบันมีใครอยู่ใน Libra Association แล้วบ้าง?
ซึ่งตอนนี้บริษัทชั้นนำจากหลายภาคธุรกิจแสดงความสนใจในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เช่น Paypal, Visa, Mastercard, Booking.com, Uber, Ebay และอื่น ๆ รวม 27 บริษัท ซึ่งน่าสังเกตว่ายังไม่มีบริษัทจากจีนหรือธนาคารชั้นนำต่างๆ เข้าร่วมในช่วงแรกนี้
ระบบ Smart Contact ของ Libra
Libra มี Smart Contract หรือ เหรียญที่มีสัญญาอัจฉริยะด้วย ซึ่งนักพัฒนาสามารถนำไปเขียนโค้ดต่อยอดพัฒนาเพิ่มเติมได้ และเขียนด้วยภาษา Move ซึ่งเป็นภาษาใหม่ที่ถูกพัฒนามาสำหรับเหรียญ Libra โดยเฉพาะ
จะใช้งาน Libra ได้อย่างไร?
ก่อนจะเริ่มใช้งาน Libra ได้นั้น เราต้องทำการยืนยันตัวตนก่อน โดยการใช้ Photo ID หรือ เอกสารประจำตัวที่มีรูปถ่าย (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน, ใบขับขี่) ด้วยกระบวนการ e-KYC หรือการตรวจสอบตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้นเราก็จะสามารถใช้งาน Libra ได้ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ชื่อ Calibra ได้ทันที
Calibra กระเป๋าเงิน Libra ตัวแรกของโลก
ช่วงเริ่มต้น Facebook ได้สร้าง Libra Wallet ของตัวเอง ชื่อว่า Calibra เพื่อจัดการเงิน Libra ของคุณ ไม่ว่าจะโอน/จ่าย/เติม เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้สะดวก แถมสามารถใช้งานร่วมกับ WhatsApp และ Facebook Messenger ได้ ซึ่ง Calibra นั้นเป็นบริษัทแยกจาก Facebook เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้นว่าข้อมูลธุรกรรมต่างๆ จะไม่ไปผูกกับเฟซบุ๊กมากเกินไป แต่จากวีรกรรมเรื่องความเป็นส่วนตัวต่างๆ ที่เฟซบุ๊กทำกับเรา เราก็ยังไม่อาจเชื่อได้สนิทใจนักอยู่ดี
นี่ล่ะครับคือเหตุผลว่า ทำไม Facebook ถึงได้สร้าง e- Wallet ของตัวเองชื่อว่า Calibra ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับ WhatsApp และ Facebook Messenger ได้ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อสกุลจริงในการยืนยันตัวตนเพื่อซื้อสินค้าและบริการ แต่การซื้อขาย โอนย้าย แลกเปลี่ยนเจ้า Libra จะปรากฏบนสาธารณะ ซึ่งอาจจะฟังดูน่ากังวล เพราะคงไม่มีใคร อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราซื้อสินค้าอะไร จากที่ไหน
Facebook จึงแก้ปัญหานี้ โดยการตั้งบริษัทขึ้นใหม่ที่ชื่อว่า Calibra ซึ่งมีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลทางธุรกรรมของคุณเอาไว้ แยกต่างหากจากฐานข้อมูลของ Facebook นั่นหมายความว่า Facebook จะไม่สามารถใช้ข้อมูลทางธุรกรรมของคุณในการยิงโฆษณาบนฟีดของคุณ หรือขายข้อมูลพวกนี้ให้กับนักการตลาด
Libra จะเริ่มเมื่อไหร่?
Libra เป็นฝันไกลของเฟซบุ๊กและบริษัทต่างๆ ที่หวังสร้างสกุลเงินใหม่ที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มต้นใช้กันในปี 2020 แม้ว่าตัว Libra จะพัฒนาแยกในฐานะ Libra Association องค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่เฟซบุ๊กไม่ได้มีสิทธิ์ควบคุม 100% แต่ภาพรวมคือสกุลเงินที่บริษัทชั้นนำของโลกร่วมกันสร้างขึ้นมา จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นระบบที่ Decentralized หรือไม่มีศูนย์กลางอย่างเต็มตัวเหมือน Bitcoin แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง Libra ก็เหมือนเป็นการคานอำนาจกันระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐที่ควบคุมระบบเศรษฐกิจมาตลอด
ซึ่งแน่นอนว่าการเติมเต็มแพลตฟอร์มของ Facebook ด้วยสกุลเงินดิจิตัล Libra ต่อจากนี้ ยังต้องผ่านอุปสรรคอีกมากมาย ต้องผ่านการตรวจสอบที่เข้มข้นของรัฐบาลประเทศต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นช่องทางการเงินที่นำความเลวร้ายต่างๆ มาให้ โดยเฉพาะการรวบตึงเบ็ดเสร็จเผด็จ เพราะ facebook มีจำนวนผู้ใช้กว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก
มุมมองของผู้ใช้งาน
ส่วนผู้ใช้อย่างเราให้มอง 3 มุมหลัก ๆ คือ
- เป็นระบบที่ใช้ง่าย
- มีค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนที่ต่ำ
- ใช้งานได้ทั่วโลก
Libra ใช้ซื้ออะไรได้บ้าง?
คุณสามารถใช้ Libra ในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ จ่ายค่าบริการ Uber หรือ Spotify (ซึ่ง 2 บริการหลังนี้ เป็นพาร์ตเนอร์กับ Facebook เพื่อส่งเสริมให้ Libra เป็นที่นิยมมากขึ้น) สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่ง ไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้จ่าย ซึ่งต่างจากบัตรเครดิตที่จะมีการคิดค่าธรรมเนียม (เช่น การซื้อตั๋วเครื่องบิน) บางร้านค้าอาจให้ส่วนลด หรือเหรียญ Libra ไปเลยฟรี ๆ สำหรับการลงทะเบียน หรือการจ่ายด้วย Libra นอกจากนี้ คุณยังสามารถส่ง-ขอรับ Libra จากเพื่อนของคุณได้ (คล้าย PayPal) ซึ่งง่ายเหมือนการส่งข้อความ
สรุปเป้าหมายหลักของ Facebook ในการเปิดตัวสกุลเงินดิจิตัล Libra
สรุปเป้าหมายหลักของ Facebook ในการเปิดตัวสกุลเงินดิจิตัล Libra ก็คือ ลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมการเงินสืบเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ยุ่งยากในปัจจุบัน คุณสามารถใช้ Libra ในชีวิตประจำวัน เช่น จ่ายบิลต่าง ๆ ซื้อกาแฟ ซื้อตั๋วรถสาธารณะ เป็นต้น คุณสามารถถอน Libra ออกมาเป็นเงินสดในสกุลเงินท้องถิ่นของคุณได้ตลอดเวลา ทั้งผ่านบัญชีธนาคาร หรือร้านค้าใกล้บ้านคุณ หากไม่โดนคุมจนขยับตัวไม่ได้ Libra จะกลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถเปลี่ยนโลกได้เลยทีเดียว ไม่ใช่แค่เปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเราเท่านั้น