จะเปิดบัญชีเงินฝากทั้งที ก็ต้องไปที่ธนาคาร คิวก็ย๊าวยาวววว แถมต้องกรอกแบบฟอร์มตั้งหลายหน้า กว่าจะเขียนเสร็จ ไหนจะเอกสารต่าง ๆ กว่าจะได้เปิดบัญชี ปาไปเป็นชั่วโมง!! แล้วมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ จะเอาเวลาที่ไหน?
ผู้เขียนคิดว่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ เพราะนี่คือสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับผู้เขียน แถมไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วยนะ! จะเปิดบัญชีกี่รอบก็เจอแบบนี้ตลอด เสียเวลามาก ๆ ทางธนาคารก็คงจะมองเห็นปัญหานี้ จึงพยายามหาโซลูชันมาช่วยลูกค้าอย่างเรา ๆ
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปทดลองใช้บริการใหม่ K-eSavings บัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารกสิกรไทย โดยมี 2 ผู้บริหารของกสิกรไทย คือ คุณนิศานาถ อู่วุฒิพงษ์ และ คุณสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท มาให้ข้อมูลและสาธิตขั้นตอนการใช้งานให้ดู
โดยไฮไลต์ของบริการนี้คือ คนที่ไม่เคยมีบัญชีกับธนาคารกสิกรไทยเลยก็สามารถเปิดบัญชีได้ ว่าง่าย ๆ ก็คือ ลูกค้าใหม่ที่สนใจอยากเปิดบัญชี ก็ทำเองได้เลยง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปที่ธนาคาร เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน K PLUS จะอยู่ที่บ้านก็เปิดบัญชีได้ วิ่งอยู่บนลู่ที่ฟิตเนสก็เปิดบัญชีได้ นั่งชิลอยู่ริมทะเลยังเปิดบัญชีได้เลย!! สะดวกสุด ๆ ซึ่งบริการนี้ก็อยู่ในโครงการ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยนะ
ก่อนอื่นเลยขอสรุปความ #ง่ายไม่ใช่เล่น ของบัญชี K-eSavings ที่มีเพียบ ตามนี้เลย
- ไม่มีบัญชีกับธนาคารกสิกรไทย ก็เปิดบัญชี K-eSavings ได้
- ไม่เคยใช้แอป K PLUS ก็เปิดบัญชี K-eSavings ได้
- ไม่มีขั้นต่ำในการฝากเงิน
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1.5% ต่อปี สำหรับ 100,000 บาทแรก
- ใช้เวลายืนยันตัวตนหลักวินาที!! (เร็วมาก ๆ)
แค่ 2 ข้อแรก ผู้เขียนก็ทึ่งแล้ว เพราะผู้เขียนนั้น ไม่ได้เป็นลูกค้าของกสิกรไทยเลย (ไม่มีบัญชีและไม่เคยใช้แอป K PLUS) แถมการยืนยันตัวตนยังใช้เวลาแค่หลักวินาทีอีก งานนี้ใครทำไม่ได้ แต่กสิกรไทยทำได้ ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition และ Liveness Detection (เทคโนโลยีตรวจสอบและจดจำใบหน้า) เพียงแค่เสียบบัตรประชาชนเข้าที่ตู้ K CHECK ID ระบบก็จะส่งการแจ้งเตือนมาที่สมาร์ตโฟนเครื่องที่เรากรอกข้อมูลใน K PLUS ไว้ เพื่อให้เราใช้กล้องหน้าของสมาร์ตโฟนสแกนใบหน้าผ่าน K PLUS ก็สามารถยืนยันตัวตนได้เลย พูดแบบนี้อาจไม่เห็นภาพ เรามาดูขั้นตอนการเปิดบัญชี K-eSavings กันเลยดีกว่า
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน K PLUS
สำหรับการเปิดบัญชี K-eSavings นั้น เราจำเป็นต้องมีแอป K PLUS ก่อน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS และ Android โดยแอป K PLUS นั้นรองรับสมาร์ตโฟนที่มีระบบปฏิบัติการ iOS 9.0 หรือ Android 5.0 ขึ้นไป
ดาวน์โหลดมาแล้วก็เข้าแอปได้เลย ไม่มีบัญชีกสิกรไทยก็ใช้ได้ เข้ามาหน้าแรกก็มีการเชิญชวนให้เปิดบัญชี K-eSavings เลย หาง่ายมาก ๆ
กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย
ถัดมาก็กรอกข้อมูลให้ถูกต้อง ครบถ้วน ย้ำกันสักนิดว่าต้องกรอกข้อมูลตามความเป็นจริง ถึงจะไม่ได้ไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร แต่เขาก็มีการตรวจสอบนะ
ในส่วนนี้ใช้เวลาไม่นานเลย ผู้เขียนลองกรอกข้อมูลเองก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น (นี่รวมเวลาตรวจทานข้อมูลด้วยนะ) ช่องกรอกข้อมูลต่าง ๆ ก็ชัดเจน เข้าใจง่าย แถมกรอกจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องไปยืนกรอกอยู่ที่สาขา ไม่ต้องเขียนให้เมื่อยมือ ไม่มีเอกสารต่าง ๆ ช่วยลดการใช้กระดาษ ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร เสร็จแล้วก็ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง และกดยืนยันได้เลย เท่านี้ก็เรียบร้อย
โดยหลังจากกรอกข้อมูลไว้ เราต้องไปยืนยันตัวตนที่จุด K CHECK ID ภายใน 15 วัน
กรอกข้อมูลแล้วเรียบร้อย ก็ไปที่จุด K CHECK ID เพื่อทำการยืนยันตัวตน โดยจุด K CHECK ID มีอยู่ที่ธนาคารกสิกรไทยในสาขาที่กำหนด , จุดบริการ BIG Service ที่ BIG C และไปรษณีย์ไทย
โดยเราสามารถตรวจสอบตำแหน่งที่ติดตั้งจุด K CHECK ID ได้ในแอป K PLUS หรือ เว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทย
K CHECK ID
K CHECK ID คือเครื่องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน ซึ่งการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีนั้น ก็ยังต้องไปที่จุด K CHECK ID อยู่ เพื่ออ่านข้อมูลบนบัตรประชาชน ทั้งนี้เป็นไปตามข้อบังคับของกฎหมายและธนาคารแห่งประเทศไทย และที่สำคัญที่สุดก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานนั่นเอง
เมื่อเครื่องอ่านข้อมูลบนบัตรประชาชนแล้ว ระบบจะส่งการแจ้งเตือนมายังสมาร์ตโฟนเครื่องที่เรากรอกข้อมูลบน K PLUS ไว้ เพื่อทำการยืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition และ Liveness Detection ด้วยการสแกนใบหน้าผ่านแอป K PLUS ซึ่งเทคโนโลยีนี้ ยังอยู่ในการทดลองระบบของธนาคารแห่งประเทศไทย (Sandbox)
ยกแล้วยิ้ม
การสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนนั้นก็ง่ายมาก เพียงแค่เปิดแอป K PLUS ที่ทำรายการค้างไว้ ก็สามารถกดเลือกให้แอปสแกนใบหน้าจากกล้องหน้าของสมาร์ตโฟนได้เลย ยกขึ้นมาส่อง ยิ้ม เร็วมาก!! โดยหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยก็จะมี SMS เข้ามาที่เบอร์ของเรา เท่านี้การเปิดบัญชี K-eSavings ก็เรียบร้อย
โดยตั้งแต่กรอกข้อมูลไปจนถึงการยืนยันตัวตนที่จุด K CHECK ID ผู้เขียนใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 30 นาทีเท่านั้น นี่รวมเวลาเดินไปที่ตู้และตรวจทานข้อมูลด้วยนะ ถือว่าเร็วมาก
บัญชี K-eSavings ทำอะไรได้บ้าง?
เมื่อเรามีบัญชี K-eSavings และแอป K PLUS เราก็สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ บน K PLUS ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น
- โอน เติม จ่าย ฟรีค่าธรรมเนียม
- ถอนเงินสดด้วย QR Code ที่ K-ATM , สาขาของธนาคารกสิกรไทย และร้าน 7-11 (แอบกระซิบไว้หน่อยว่า ในอนาคตธนาคารจะมีพาร์ตเนอร์ที่ถอนเงินสดได้เพิ่มด้วยนะ)
- ขอรับ Statement ได้ทางอีเมล
- สมัคร SMS Alert ไม่ว่าเงินจะเข้า จะออกบัญชี ก็รู้ได้ทันที
- สมัครพร้อมเพย์
- สมัครบัตรเดบิต อายัดและเพิ่มวงเงินได้เอง
- ซื้อประกันเดินทาง
- ซื้อกองทุนรวมและดูแลพอร์ตการลงทุน
ตอนนี้หลาย ๆ คน อาจจะเริ่มอยากเปิดบัญชี K-eSavings กันแล้ว ก็ลองเปิดบัญชีดูนะคะ แล้วมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ส่วนใครที่ยังลังเลอยู่หรือกังวลว่าจะไปหาจุด K CHECK ID ได้ที่ไหน ทางธนาคารกสิกรไทยก็ได้ให้ความมั่นใจว่า ธนาคารกำลังเพิ่มจำนวนจุด K CHECK ID โดยนำร่องที่สาขาของธนาคารกสิกรไทยก่อนกว่า 200 จุด ภายในเดือนกรกฎาคม และจะเพิ่มเป็น 380 จุด ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งจุด K CHECK ID กับพาร์ตเนอร์ด้วย โดยที่ BIG C มีการติดตั้งจำนวน 200 จุด และที่ไปรษณีย์ไทยก็กำลังทยอยติดตั้ง
ได้ยินแบบนี้แล้วมั่นใจได้เลยว่าเราจะสามารถยืนยันตัวตนได้ภายใน 15 วันแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส