ทีมงาน #beartai ได้รับเกียรติจาก Thai Habel Industrial เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ที่ถนนพระราม 3 พร้อมพูดคุยกับคุณแจ็ค-นรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ ‘เจ้าพ่อจอไทย’ กับก้าวต่อไปของ altron ทีวีแบรนด์ไทย เพื่อคนไทย เจ้าแรก 100% เพื่อไขกุญแจความสำเร็จที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่ถึง 4 ปี จากบัญชีที่ติดลบตัวแดง จนวันนี้สามารถพลิกตัวเลขเป็นสีเขียวสร้างกำไรคืนมาได้ และยังกวาดส่วนแบ่งการตลาดไปเกือบ 3% จากมูลค่าตลาดทีวีโดยรวมในประเทศกว่า 30,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยมีช่องทางการขายกว่า 600 แห่งทั่วประเทศ

แจ็ค-นรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ ‘เจ้าพ่อจอไทย’ แห่ง altron ทีวีไทย จากศูนย์สู่ธุรกิจจอครบวงจรเต็มรูปแบบ

จากผู้ผลิตโทรทัศน์ ‘ธานินทร์’ เมื่อในอดีต สู่ ผู้พัฒนาแบรนด์ altron ทีวีไทยแห่งอนาคต

ถ้าเอ่ยชื่อโรงงานผลิต Thai Habel Industrial ผู้บริโภคทั่วไปอาจจะไม่ค่อยคุ้นหู แต่ถ้าพูดถึงชื่อยี่ห้อเครื่องเสียงเเละโทรทัศน์เก่าแก่ชื่อดังคู่ใจครัวเรือนไทย ‘ธานินทร์’ ที่ทาง Thai Habel Industrial ผลิตให้ (คนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป) รู้จักแน่นอน

จากผู้ผลิตโทรทัศน์ ‘ธานินทร์’ เมื่อในอดีต สู่ ผู้พัฒนาแบรนด์ altron ทีวีไทยแห่งอนาคต

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน Thai Habel Industrial ทำธุรกิจประเภท OEM (Original Equipment Manufacturer) หรือ รับจ้างผลิตมานานมากกว่า 31 ปี ทำหน้าที่รับผลิตสินค้าส่งแบรนด์อื่น ๆ เช่น ทีวี เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ส่งออกทั้งในไทยและต่างประเทศ และแม้ว่าในวันนี้จะไม่มี ‘ธานินทร์’ แต่แบรนด์ทีวีไทย ‘altron’ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จ ดึง Thai Habel Industrial กลับมาผงาดได้อีกครั้งหลังเจอวิกฤตหนักจนธุรกิจแทบไปต่อไม่ไหว

วิกฤตไฟไหม้ วันลอยกระทงปี 2557 เจ็บปวดที่สุด สูญเสียกว่า 180 ล้าน ไม่มีประกัน เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ

ระหว่างปี 2553-2557 กิจการขยายตัวมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอดขายปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึง 1,000% มียอดขายแตะ 620 ล้านบาทในปี 2556 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของ Thai Habel Industrial เลยก็ว่าได้ แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในคืนวันลอยกระทงปี 2557 เมื่อโรงงานที่กบินทร์บุรี (Kabin Factory) จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตหลักถูกอดีตคนงานลอบวางเพลิง สูญเงินไปมากกว่า 180 ล้านบาทและไม่มีประกัน โชคดีที่ทางบริษัทมีโรงงานตรงพุทธมณฑลสาย 7 (Sai 7 Factory) อยู่อีกหนึ่งแห่ง แต่โรงงานพุทธมลฑลสาย 7 เป็นโรงงานที่มีขนาดเล็กกว่า และไม่สามารถรองรับการผลิตได้จำนวนมาก ๆ เหมือนที่กบินทร์บุรี ทุกอย่างจึงต้องหยุดชะงัก ตัวเลขติดเป็นสีแดง บริษัทเข้าสู่วิกฤตหนัก

ไฟไหม้โรงงานที่กบินทร์บุรี (Kabin Factory) จังหวัดปราจีนบุรี ปี 2557 ภาพข่าวจาก ไทยรัฐ

ฟ้าหลังฝน ปรับเปลี่ยนองค์กร-พัฒนาฐานธุรกิจเดิม-สร้างแบรนด์ altron ขาย (ความรัก) ชาติ

จากวิกฤตนี้ทำให้คุณแจ็ค นรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทย ฮาเบล อินดัสเตรียล จำกัด นำเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่มีไม่ว่าจะเป็นงานด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์สมัยทำงานให้ TCEB (สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เเละ Index Creative Village มากอบกู้สถานการณ์ของ Thai Habel Industrial ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวภรรยา คุณจิ๊บ นราพร สุจริตธรรมกุล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ฮาเบล อินดัสเตรียล จำกัด

คุณนรินทร์เดชเล่าให้ฟังว่าหลังจากตัดสินใจลาออกจากงาน โจทย์แรกที่คิดในหัวตอนนั้น คือ Do or Drop? จะทำต่อหรือจะปล่อยบริษัทไป เพราะ ณ เวลานั้นบริษัทเจ็บหนัก ขาดสภาพคล่อง และในตลาดโทรทัศน์ก็มีแต่แบรนด์ต่างประเทศเต็มไปหมด แต่สุดท้ายบริษัทก็ตัดสินใจ “ไปต่อ”

คุณแจ็ค นรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทย ฮาเบล อินดัสเตรียล จำกัด

การเดินหน้าต่อในครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนองค์กร ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมในการทำงาน และการพัฒนาฐานธุรกิจเดิมที่เป็น OEM ให้ได้มาตรฐานการและมีชื่อเสียงที่ดีมากกว่าเดิม มีมาตรฐานการผลิต ISO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ยังทำโลโก้ของ Thai Habel Industrial ขึ้นมาใหม่ เป็นตัวอักษรสไตล์ไทย มีช่อฟ้าประดับข้าง ตั้งใจสื่อถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย สอดคล้องกับความต้องการที่จะสร้างความเป็นไทยให้กับแบรนด์ทีวีไทยจะเกิดขึ้น

“หลังจากได้โลโก้นี้มา ความเป็นไทย มันเกิดขึ้นในวันนั้นเลย”

– นรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ –

โลโก้ใหม่ของ Thai Habel Industrial สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทย

ถัดจากการการปัดฝุ่นของเดิม ก็มาสู่การทำของใหม่ เปลี่ยน Thai Habel Industrial จากผู้ผลิตแต่เพียงอย่างเดียว มาเป็นผู้พัฒนาแบรนด์ของตัวเอง ภายใต้ชื่อ ‘altron’ อัลทรอน ทีวีไทย เพื่อคนไทย และพยายามต่อยอด ‘ธุรกิจจอ’  อย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดแค่ทีวีแต่เพียงอย่างเดียว ผ่านแนวคิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย คุณนรินทร์เดชเล่าให้ #beartai ฟังว่า “ชื่อของ altron เป็นการเล่นคำคล้าย ๆ คำว่า ultra โดยเน้นให้ดูทันสมัย โลโก้คล้ายกับสเปกตรัม ไล่สีม่วงไปสีแดง สะท้อนถึง dynamic และ ความเป็นเทคโนโลยี”

โลโก้ altron คล้ายสเปกตรัม ไล่สีม่วงไปสีแดง

คุณนรินทร์เดชบอกกับ #beartai ว่าตอนนั้นที่คิดสร้างทีวีแบรนด์ไทย มีคนบอกว่า “เขาบ้า” ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ ในตอนนั้น ทีวีแบรนด์ไทยไม่มีเลย แต่เขาก็เดินหน้า จนกำเนิดเป็น altron ทีวีไทยที่มีเจ้าของเป็นคนไทย เจ้าแรก 100% เมื่อถามว่าทำไมถึงกล้าถึงบ้าทำ เขาตอบเราว่า

“คงเป็นเพราะได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากตอนที่ทำงานกับ TCEB ที่นั่นทำให้ผมเปลี่ยนความคิด เลือดแดง ขาว น้ำเงิน มันไหลเข้าสู่ตัวผม ทำให้ผมรักความเป็นไทย และทำให้ผมเชื่อว่าเรา “ขายชาติ” ได้ ขายความเป็นชาติไทย ขายความเก่งของคนไทย ผมเชื่อจริง ๆ ว่าคนไทยไม่กระจอก คนไทยมีความครีเอทีฟ นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมอยากทำแบรนด์ไทย Made in Thailand in Premium Quality”

ตอนนั้นคุณนรินทร์เดชต้องฝ่าฟันกับคำพูดและความไม่เชื่อมั่นจากหลายคน แต่ด้วยความภาคภูมิใจต่อแบรนด์ ธานินทร์ ที่ยึดถือเป็นแบบอย่างเสมอมา เขาจึงไม่กลัวและกล้าที่ชูจะจุดขาย “อัลทรอน ทีวีไทย เพื่อคนไทย” แม้ภายหลังจะมีผู้ผลิตหลายเจ้าหันมาเคลมความเป็นแบรนด์ไทยตาม altron แต่คุณนรินท์เดชก็มั่นใจว่า altron มีของดีที่ยากจะเลียนแบบได้ และตนเองก็เข้าใจดีว่าเมื่อเป็นผู้นำ ย่อมมีผู้ตามเสมอ

เริ่มต้นจาก ‘ศูนย์’ สู่ ‘ธุรกิจจอ’ ครบวงจรเต็มรูปแบบ

หลังวิกฤตไฟไหม้ altron แบรนด์ทีวีไทยถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2016 โดยใช้ know-how ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและจอโทรทัศน์ที่มีเป็นทุนเดิมของ Thai Habel Industrial ในการพัฒนาสินค้า แต่หลังเปิดตัว altron ในปี 2016 คุณนรินทร์เดชถูกถามคำถามจากลูกค้าว่า “คุณเป็นแบรนด์ไทย ดูแลคนไทยได้แค่นี้เองหรือ?” คุณนรินทร์รู้สึกเจ็บปวดกับคำถามนี้ แต่มันก็ทำให้เขาได้คิดตามว่า

“การทำแบรนด์ไทย คือความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง เสมือนมีชื่อติดไว้บนบ่า

เราจึงต้องพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ ดูแลคนไทยให้มากกว่านี้

เพื่อที่จะได้มีวันที่คนไทยรู้สึกภาคภูมิใจในแบรนด์ของไทยกันไปทั่วทุกอุตสาหกรรม

นั่นเป็นสิ่งที่ผมหวังให้เกิดขึ้น”

ดังนั้น เพื่อตอกย้ำความเป็นทีวีเพื่อคนไทยจึงเน้นไปในเรื่องคุณภาพของสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย และบริการหลังการขาย (After Sales Service) ปัจจุบันมีศูนย์ดูแลถึง 147 ศูนย์ และจัดเต็มการันตียาว ๆ ถึง 3 ปี (ปกติเราคุ้นเคยจะมีการันตี 1-2 ปีเท่านั้น หรือบางที่ต้องจ่ายเพิ่มหากต้องการซื้อประกันต่างหาก) altron รับประกันจอแตก เครื่องพัง ฟรี! ถือเป็นการฉีกกฎการรับประกันไปเลยทีเดียว

ณ เวลานี้ altron ไม่ได้ทำแค่ทีวี อีกหนึ่งตลาดที่ altron กำลังรุกคืบต่อยอดแบบครบวงจรเต็มรูปแบบ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Business Solution สำหรับ B2B ซึ่งก็มีทั้ง Commercial Display, VDO Wall, Digital Signage และ Interactive Whiteboard เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนด้วยระบบ IoT สำหรับใช้ในห้องประชุม จอเป็นจอคุณภาพจาก LG คมชัดแบบ 4K ULTRA HD ซึ่งขณะนี้ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากบริษัทชั้นนำอย่าง SCB, K Bank และ LH Bank เป็นต้น

Interactive Whiteboard กระดานอัจฉริยะจาก altron

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Business Solution

ทำทีวีแบรนด์ไทยจะรอดไหม สู้แบรนด์ต่างชาติไหวหรือ?

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาแบรนด์ altron ภายใต้ความเป็นไทย คือการ ‘สร้างชื่อ‘ และ ‘มีจุดยืน‘ ตั้งแต่วันที่เข้ามาในตลาดคนก็มักจะคิดว่าสู้ทีวีเกาหลี ญี่ปุ่นไม่ได้ หรือไม่ก็ซื้อเพราะเห็นความพยายามของคนไทย ดังนั้น altron จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองในตลาดในฐานะแบรนด์ที่ติดธงไทย ความยากไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการผลิต แต่อยู่ที่ความเชื่อใจแบรนด์เกิดใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้!

การสร้างแบรนด์ครั้งนี้อยู่ที่การสร้างความไว้ใจ (Brand Trust) และด้วยพื้นฐานด้านการส่งเสริมแบรนด์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากสมัยตอนทำงานร่วมกับ TCEB คุณนรินทร์เดชจึงเชื่อในความสำคัญของการสร้าง ‘การยอมรับ‘ เขาใช้เวลาเพียง 3 ปีในการกวาดรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ รวมกว่า 7 ชิ้น เป็นเครื่องการันตีสร้างชื่อเสียง ความมั่นใจ และสร้างความแตกต่างให้แก่แบรนด์ altron อาทิเช่น Thailand Trusted Quality 2015, SMEs National Awards 2017 และ 2018 รวมถึง Prime Minister’s Export Award 2016 เป็นต้น

แบรนด์ที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีจุดยืน!  เมื่อมองในมุมของ Brand Positioning ไม่ได้หมายความว่า altron ต้องไปยืนในจุดเดียวกับ Samsung, LG, SONY หรือแบรนด์จากจีนเพราะ “แบรนด์พวกนี้มีกำลังการผลิตสูงสามารถผลิตชิปเซ็ตหรือจอเองได้” “เราวาง position อยู่ตรงกลางระหว่าง Local Brand กับ Global Brand” คุณนรินทร์เดชกล่าว

แม้ว่า altron จะไม่ได้มีเทคโนโลยีแรง ๆ แต่ทางแบรนด์ก็เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้มอบให้กับลูกค้าคนไทยนั้นเพียงพอและตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยในภาพรวมได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าในเรื่องของราคา คุณภาพ และการใช้งาน “ในช่วงแรก ๆ ที่ทีวีมีระบบ 3D และ 4K ทาง altron ก็ยังไม่รีบผลิต เพราะเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย รอจนกว่าตลาดค่อย ๆ เปิดรับแล้วจึงผลิต” ซึ่ง altron ก็พัฒนาเรื่อยมาจนตอนนี้มีทีวีมากกว่า 20 รุ่น และมีรุ่นที่คมชัดระดับ 4K แล้ว

มาถึงจุดนี้คงไม่ต้องบอกว่า altron รอดไหม? เพราะหลังจากที่พิสูจน์ตัวเองมา 3 ปีกว่า altron ก็ทำให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจน และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในไทยได้ถึง 3% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า altron เป็นที่ยอมรับได้ส่วนหนึ่งแล้ว และตอนนี้ได้เริ่มขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่ม CLMV ซึ่งคิดเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งเป็นการจับกลุ่มตลาดที่เหมาะสม เพราะเศรษฐกิจอาเซียนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ประเทศอื่น ๆ ยังสู้ไทยไม่ได้ นั่นก็คือเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งคุณนรินทร์เดชได้ยืนยันอย่างหนักแน่นหลังจากไปสำรวจตลาดเพื่อนบ้านมาแล้ว

ในแง่ของการโฆษณา คุณนรินทร์เดชบอกกับ #beartai แบบตรงไปตรงมาว่า “โตมาแบบไม่มีตังค์”  แน่นอนว่าแบรนด์น้องใหม่อย่าง altron ต้องอาศัยความเป็นนักการตลาด คิดแบบคนเอเจนซี่ของคุณนรินทร์เดชและทีมเพื่อคิดหากลยุทธ์ใหม่ ด้วยการ Co-branding เน้นเรื่องกีฬา และดึงเอาพันธมิตรมาเสริมทัพ ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับ True ซื้อทีวี altron พร้อมกล่อง True ดูบอลไทยฟรี, การร่วมสนับสนุนเวทีประกวดนางสาวไทย, SCB SME Expo, และ การร่วมมือกับดูนี่ (DOONEE) แอปพลิเคชันดูหนังออนไลน์ที่มีพากย์ไทยทุกเรื่อง โดยได้ออกรีโมตรุ่นพิเศษที่มีฟังก์ชัน One Touch Access ที่สามารถกดเพียงครั้งเดียวบนรีโมตเพื่อเข้าชมได้ทันที คล้าย กับของ Netflix ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้งบโฆษณามหาศาล และที่สำคัญถ้าลองสังเกตดูทุกอย่างที่ทำนั้นทำเพื่อความเป็นไทยทั้งสิ้น! (บอลไทย นางสาวไทย พากย์ไทย)

เรื่องขำ ๆ ปิดท้าย ด้วยประสบการณ์การทำงานที่มีความคุ้นเคยกับภาครัฐ เมื่อคุณนรินทร์เดช ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมาที่งาน Top Thai Brand 2016 ก็รีบตระเตรียมมาร์กจุดแวะชมสินค้าและเตรียมปากกามาให้ท่านนายกฯ เซ็นเจิมบนหน้าจอทีวี โดยมีข้อความว่า “สนับสนุนแบรนด์ไทย เพื่อคนไทย” ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากสื่ออย่างมาก และยังถือเป็นโอกาสในการโฆษณาทีวีแบรนด์ไทยได้อย่างดีเยี่ยม และไม่แน่คราวหน้าอาจได้เห็นนายกฯ เซ็นบนจอไวท์บอร์ดของ altron สินค้าใหม่ล่าสุดก็เป็นได้!

ก้าวต่อไปของ altron

คุณนรินทร์เดชตั้งเป้าหมายที่จะไปสู่ระดับภูมิภาคภายใน 5 ปี โดยเริ่มสร้างความแข็งแกร่งจากไทยก่อนขยายไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์ที่ติด Top of Mind ของคนไทยภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ด้วยการงัดความใส่ใจ พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง และทำการตลาดที่โดนไปพร้อม กัน

ในยุคที่ใคร ก็ใช้แต่ทีวีแบรนด์นอก ยังมี ‘ผู้กล้า’ คนหนึ่งคิดจะสร้างแบรนด์ทีวีของคนไทยขึ้นมา ทีมงาน #beartai ก็ต้องขอขอบคุณ คุณแจ็ค-นรินทร์เดช ทวีแสงพานิชย์ แห่ง altron ที่มาแชร์มุมมองและสร้างแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์ไทยอีกหลายเจ้า ดูแล้วภาคภูมิใจ ทีวีไทยทำเองไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส