หลังเว็บเทรดฯ รายใหญ่ของไทย bx.in.th ประกาศปิดตัว ขอยุติบทบาทในการดำเนินกิจการศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล (Cryptocurrencies) เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา
นำมาซึ่งความตื่นตกใจในหมู่นักลงทุนไทยเป็นอย่างมาก แม้ทางทีมผู้บริหารจะระบุเหตุผลบางส่วนไว้ในคำชี้แจงว่า “เล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจในทางอื่น ๆ” รวมถึง “ไม่มีความประสงค์จะต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2563” ด้วยระยะเวลาที่จำกัดจึงเป็นเหตุให้ทางบริษัท บิทคอยน์ จำกัด ต้องรีบประกาศข้อความสำคัญไปยังผู้ใช้บริการทุกคนให้ทราบโดยทั่วกัน ก่อนใบอนุญาตจะหมดอายุ
โดยใจความสำคัญคือการประกาศยุติการให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยน ที่จะเปิดให้บริการได้ถึงสิ้นเดือนกันยายน (23.59น. ของคืนวันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2562) ซึ่งเหลือระยะเวลาอีกราว 24 ชั่วโมง เท่านั้น
นี่จึงเป็น 8 ข้อมูลควรรู้ ก่อน bx.in.th ปิดให้บริการในเที่ยงคืนวันนี้
1. บิทคอยน์ จำกัด เป็นเพียง ‘ชื่อบริษัท’
ที่เปิดให้บริการศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลในประเทศไทย ผ่านเว็บไซต์ bx.in.th ซึ่งดำเนินกิจการมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2556
แต่ทางบริษัท บิทคอยด์ จำกัด มีความประสงค์ที่จะไม่ดำเนินธุรกิจต่อ (ด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ฯลฯ) ทางบริษัทฯ เลือกที่จะไม่ต่อใบอนุญาตสำหรับปี 2563 ทำให้ต้องออกมาประกาศยุติบทบาทในการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล และดำเนินการคืนเงิน รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดที่มีผู้นำมาฝากไว้ คืนให้กับนักลงทุน โดยมีคำชี้แจงระบุไว้ในประกาศแจ้งจากทางบริษัท โดยมีใจความสำคัญที่พอสรุปได้ดังต่อไปนี้
- bx.in.th ได้ปิดรับฝากเงินเข้าบัญชี ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2562 ที่ผ่านมาเป็นวันสุดท้าย
- จะยังทำการเทรดซื้อขายเหรียญได้ ไม่เกินเที่ยงคืนของวันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2562
- ควรโอนเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลทุกสกุลออกจาก bx.in.th ก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 30 กันยายน 2562
- หลังวันที่ 30 กันยายน 2562 เว็บฯ bx.in.th จะยังเปิดไว้เพื่อใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับทางบริษัท เพื่อทำการ ‘โอนสินทรัพย์ออก’ เท่านั้น จะไม่สามารถทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนใด ๆ ได้อีก
2. การขอยุติบทบาทของ บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ไม่ได้มีผลกระทบ หรือส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเงินคริปโตฯ สกุลหลักอย่าง Bitcoin (BTC) ในตลาดโลก
แต่ด้วยความที่ชื่อบริษัทมีความ คล้ายคลึง กับชื่อของเหรียญสกุลหลักอย่าง Bitcoin (BTC) จึงอาจทำให้บางสื่อฯหรือบางคน เสนอข่าว หรือส่งต่อข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
3. อย่าลืม Backup
นอกจากการโอนย้ายเหรียญ เงิน หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีออกจาก bx.in.th (ที่ควรทำให้แล้วเสร็จภายในวันนี้) ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือการ Backup หรือ Save ‘ข้อมูลประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมด’ เก็บไว้ เพื่อใช้ในกรณีที่ต้องยื่นเรื่องภาษี หรือมีการขอข้อมูลจากทางภาครัฐ นักลงทุนหรือผู้เคยใช้บริการจะได้มีหลักฐานนำไปแสดง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายใด ๆ ตามมา โดยสามารถ Download ข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง เพียงไม่กี่ขั้นตอนดังนี้
เมื่อ log in เข้ามาแล้วให้กด > เงินของฉัน > การทำธุรกรรม > เลือกช่วงเวลา > Download CSV (ปุ่มสีเขียว)
สามารถ Download ใบกำกับภาษีได้ด้วยวิธีเดียวกันโดยกดที่ เงินของฉัน > พอร์ตฟอลิโอ้ > เลือกปีที่ต้องการ (ควรโหลดเก็บไว้ย้อนหลังทุกปีนับตั้งแต่เริ่มใช้งาน) > ดาวน์โหลดใบเสร็จ
4. การตัดสินใจไม่ต่อสัญญา และประสงค์จะยุติการดำเนินธุรกิจต่อ ถือเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในการทำธุรกิจ
และในกรณีของ bx ก็แตกต่างจากการถูกสั่งปิด ถูกยกเลิก ถูกระงับใบอนุญาต หรือธุรกิจขาดสภาพคล่องจนต้องปิดตัว เพราะจากข้อมูลงบการเงินปีที่ผ่านมา บริษัท บิทคอยด์ จำกัด มีกำไรสุทธิ สูงถึง 220 ล้านบาท การประกาศยุติบทบาทในการทำธุรกิจทั้งที่กำลังอยู่ในช่วงที่กำไรเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จึงเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย การตัดสินใจยุติบทบาทในการทำธุรกิจ จึงเป็นความต้องการส่วนตัวของทีมผู้บริหาร ที่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริง และการอธิบายเพิ่มเติมในเรื่องนี้
5. แม้ bx.in.th จะเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ แต่ bx.in.th ก็ไม่ใช่ผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับใบอนุญาตฯ แต่ยังมีผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือนายหน้าและผู้ค้าเงินสกุลดิจิทัล ในไทยด้วยเช่นเดียวกันอีก 3 ราย นั่นคือ
บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ( BITKUB) เว็บไซต์ bitkub.com
บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( Satang Pro) เว็บไซต์ satang.pro
บริษัท คอยส์ ทีเอช จำกัด (Coins TH) เว็บไซต์ coins.co.th
นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตอีกจำนวนหนึ่ง ที่ต้องการมาดำเนินธุรกิจตัวแทน/ศูนย์กลางซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ไม่นับรวมเว็บฯเทรดนอกที่ให้บริการในต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งาน และปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าตลาดในไทยหลายเท่า (ไม่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น)
6. ผู้ให้บริการ ‘ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล’ เป็นเพียงตัวกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยน
และมีการสร้างกระเป๋ารับฝากสินทรัพย์ฯ ผ่าน Web Wallet หรือกระเป๋าเก็บเงินสกุลดิจิทัล ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ตามนโยบายความปลอดภัยของแต่ละบริษัท
แม้จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนในการเก็บ รับโอน หรือนำสินทรัพย์ฯ ที่มีออกขาย แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหลายช่องทางที่นักลงทุนสามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลไปเก็บไว้ แม้ความคล่องตัวในการใช้งานจะลดลง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความปลอดภัยที่สูงขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ได้ฝากกุญแจในการเข้าถึงสินทรัพย์ฯ (Private Key) ไว้กับใคร แต่เป็นการเก็บรักษากุญแจไว้กับตัวเอง เช่น การเก็บไว้บน Paper Wallet หรือ Hardware Wallet ฯลฯ
ซึ่งหน้าที่ในการเก็บรักษา ดูแลให้ปลอดภัย จะขึ้นอยู่กับเราที่เป็นผู้เก็บรักษากุญแจเหล่านั้นไว้ด้วยตัวเอง (กรุณาศึกษาทำความเข้าใจก่อนดำเนินการใดๆในเรื่องนี้)
7. ควรดำเนินการโอนย้ายเหรียญให้แล้วเสร็จก่อนล่วงหน้า (อย่างน้อย 10-12 ชั่วโมง)
เพื่อลดปัญหาปริมาณการทำธุรกรรมแน่นหนาในช่วงท้าย หรือปัญหาทางเทคนิคใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น จนทำให้เกิดความล่าช้าหรือปัญหาในการโอนออกได้
8. เพิ่มความใส่ใจ ระมัดระวังการหลอกลวงใด ๆ จากเหล่ามิจฉาชีพหรือผู้ไม่ประสงค์ดี
ที่มักฉวยโอกาสในการหลอกลวงผู้คน ที่กำลังสับสน ขาดความรู้ ไม่มีความเข้าใจ หรือประสบการณ์ เช่น การเสนอตัวเข้ามาช่วย แอบอ้างเป็นตัวกลางในการรับโอนสินทรัพย์ฯ ออกจาก bx.in.th ซึ่งไม่ได้รับมอบหมาย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับทางผู้ให้บริการ หากหลงเชื่อ อาจสูญเสียเงิน หรือสินทรัพย์ฯ ทั้งหมดที่มีได้
หรืออย่างเว็บเทรดบางเว็บฯ ที่ยังไม่ทราบเจตนาหรือวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด แต่ตั้งชื่อเว็บฯ ออกมาใกล้เคียงกับ bx.in.th (ซึ่งอยู่ระหว่างการยุติการให้บริการ) อันอาจนำมาซึ่งความสับสน ให้กับนักลงทุนบางคนหรือบางกลุ่มได้ ซึ่งได้มีการชี้แจ้งออกมาทางหน้าเพจ Bitcoin.co.th แล้วว่า bx.im ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ bx.in.th หรือบริษัทบิทคอยน์ จำกัด แต่อย่างใด (ตามรูป)
ดังนั้นตราบใดที่ยังมีข้อมูลจำกัด หรือผู้ให้บริการรายใด ที่ยังไม่มีรายชื่อว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจากทาง กลต. ก็ขอให้นักลงทุน หรือผู้ที่กำลังสนใจ ใช้ความระมัดระวัง หาข้อมูลให้มากพอ ก่อนตัดสินใจลงทุน นำเงิน หรือโอนสินทรัพย์ฯ ใด ๆ ไปฝากไว้ เพราะอาจสูญเสียเงินทั้งหมดได้ หากมีความผิดพลาดอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้น
นี่คือ 8 ข้อ ความรู้ ควรรู้ เพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมในเรื่องนี้ ผู้อ่านทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ และอย่าลืมกดติดตามเพจแบไต๋ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาด ความรู้ ข่าวสาร ข้อมูลใหม่ ๆ ที่จะคอยอัปเดตให้คุณผู้อ่านทันโลกเทคโนโลยี และได้รับสาระประโยชน์ตลอดทั้งวัน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส