หายไปนานจริงๆ ครับตั้งแต่ผมเดือนทางไปเข้าคอร์สล้างพิษตับและสวนล้างลำไส้ที่จังหวัดกระบี่ปลายเมษาต่อต้นพฤษภา ตั้งใจเอาไว้ว่าจะใช้เวลาสงบนิ่ง Slow life ในช่วงนั้นขบคิดให้ตกว่าจะจัดวาง Positioning ของตัวเองอย่างไร จะเขียนมันทุกเรื่องทุกแนวจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านร้อนหนาวมาแต่อาจจะมีสภาพเป็น เป็ด คือเอาดีไม่ได้สักอย่าง หรือจะลงลึกในแวดวงอุตสาหกรรมการบินซึ่งตัวเองประกอบอาชีพนี้มา ๒๐ กว่าปี พอตัดสินใจได้ว่าเอามันทางนี้แหละเพราะ การบิน เป็นเรื่องที่คนไทยให้ความสนใจแต่เรายังขาดแคลนผู้ที่มีความรู้ในสายสื่อมวลชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝั่งของผู้ปฏิบัติ หวังว่าความตั้งใจนี้จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจให้กับท่านผู้อ่านผู้ที่สนใจในเรื่องของการบินได้เป็นอย่างดี
ผมหวังว่าในที่สุดเราจะเกิดการสื่อสารสองทางต่างฝ่ายต่างให้ความรู้ซึ่งกันและกัน ผมเองที่คิดว่ารู้อาจจะไม่แน่เสมอไปครับ
จบจากกระบี่ชีพจรก็เริ่มลงเท้าครับผมเดินทางไปศึกษาดูงานเรื่อง Business Jets ที่ สิงคโปร์ และเพิ่งไปตะลอนทัวร์สานความสัมพันธ์กับ ASEAN AOC ( Airline Operators Council ) ที่ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อสักหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
ได้รับเกียรติให้เป็นสมาชิกพิเศษลำดับที่ ๑๗ ของ ASEAN AOC ผึ่งผายพอสมควร
หลายท่านคงตั้งคำถามอยู่ในใจว่าอะไรคือ AOC ?
ตามคำแนะนำขององค์กรการบินระหว่างประเทศ ICAO และ IATA บอกไว้อย่างนี้ครับว่าสนามบินใดๆ ที่มีสายการบินพานิชย์ประกอบการอยู่ตั้งแต่ ๕ สายขึ้นไปสมควรรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนในนามของ Airline Operators Committee แปลเป็นไทยสวยงามว่า คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน ประจำสนามบินนั้นๆ เพื่อที่จะรวบรวมเสียงให้เป็นหนึ่งเดียวในเวลาที่ต้องการที่จะเรียกร้องใดๆ ต่อสนามบิน เจ้าหน้าที่รัฐ และ รัฐบาล อันจะนำประโยชน์มาสู่การประกอบการที่เป็นธรรมและส่งผลไปสู่ความสะดวกสบายของผู้โดยสารในการใช้บริการท่าอากาศยานนั้นๆ
ปัญหามีอยู่ทุกวันครับ หลายท่านอาจจะแปลกใจว่าธุรกิจการบินมันน่าจะเป็นอะไรที่ลงล็อคหมดแล้วไม่น่าจะต้องเกิดปัญหาให้มานั่งแก้กันเสียเวลาทำงาน
ท่านครับตราบใดที่มีคนและกติกาตราบนั้นปัญหามันย่อมเกิด เรื่องหลายเรื่องเป็นหัวข้อในการปฏิบัติงานประจำวันที่จำเป็นต้องขยับและปรับกติกาเดิมๆ เพื่อให้สอดคล้องกับพลวัตรในปัจจุบัน
ผมยกตัวอย่างเรื่อง กม.ตรวจคนเข้าเมือง ถ้าว่ากันตามตัวบทจริงๆ นี่ กัปตัน หรือ นายสถานี จะต้องนำผู้โดยสารเดินเข้าแถวมาเป็นระเบียบเรียบร้อยรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ประจำด่านนะครับ ซึ่งตรงนี้ ตม.ไทยมีความเข้าใจว่ามันปฏิบัติจริงไม่ได้
จึงมีการผ่อนผันเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้และกระทบต่อผู้โดยสารน้อยที่สุด การกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้คุ้มกฎและผู้ปฏิบัติมันเกิดขึ้นได้ทุกโอกาสแหละครับอยู่ที่หนักเบาแค่ไหนและจะเจรจากันอย่างไร อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ถ้าจะมายึดตามกฎกันเป๊ะๆ ทำงานลำบากทั้งสองฝ่ายครับ
ประเด็นร้อนในช่วงที่ผ่านมาคือเรื่องอาหารกล่องโฟม
อย่างเรื่องที่กำลังร้อนอยู่ขณะนี้ก็คือการประกาศห้ามพนักงานนำอาหารบรรจุกล่องโฟมเข้าไปรับประทานบริเวณลานจอด ต้นตอของปัญหาคืออะไร ? ต้นตอก็มาจากสนนราคาของอาหารที่ขายให้พนักงานมีราคาสูงแถมตัวเลือกน้อยและรสชาติยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ากำลังกินดินหรือกินข้าว
พนักงานจึงจำเป็นต้องหาอาหารที่ถูกปากและถูกราคานำเข้าไปรับประทานด้านใน ทีนี้กินกันแล้วก็มักง่ายไม่ทิ้งในที่ๆ จัดไว้ก็เกิดปัญหาเรื่องความสะอาด บางพื้นที่ขณะนี้ หนู วิ่งกันเกรียว
เรื่องอย่างนี้ AOC ต้องเข้าไปมีบทบาทครับ สุขทุกข์ของพนักงานทุกระดับต้องพูดคุยกัน ทางด้านเจ้าของพื้นที่เองก็มีความจำเป็นในการที่จะคงไว้ซึ่งระเบียบเพราะดูแลคนหมู่มาก
เกริ่นให้ท่านทราบคร่าวๆ ถ้าสนใจใคร่รู้ในเรื่องของ AOC ก็ถามกันมาได้ครับ
เอาละครับนำท่านไปเที่ยว มะนิลา ดีกว่า
ในอดีตเมื่อไม่นานมานี้สักประมาณ ๓๕ ถึง ๔๐ปี ประเทศฟิลิปปินส์ จัดว่าเป็นประเทศดาวรุ่งพุ่งแรงในภูมิภาคของเราครับ ด้วยความที่เคยตกอยู่ภายใต้การดูแลของ สหรัฐอเมริกา มาก่อนแถมในห้วงช่วงเวลาของสงครามเวียตนาม สหรัฐฯ ได้ใช้ฟิลิปปินส์เป็นฐานทัพเหมือนกับที่ใช่ อู่ตะเภา และ จังหวัดอุดรธานี ของเรา เพียงแต่ด้วยความที่เคยเป็นประเทศในอาณัติเก่าอเมริกันจึงค่อนข้างเทงบลงทุนในการสร้างสาธารณูปโภคมากกว่าที่อื่น
เรียกได้ว่าจบสงครามฯ ฟิลิปปินส์มีความพร้อมในเกือบจะทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาคนไทยสมัยนั้นส่งลูกหลานไปเรียนกันเยอะจริงๆ ครับ ได้ภาษาได้วัฒนธรรมที่หลากหลายในสนนราคาที่ถูกกว่าที่อื่นๆ
การได้เรื่องภาษาอังกฤษนี่แหละจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนฟิลิปปินส์ออกไปต่อสู้ในสังคมโลกได้เป็นอย่างดี การที่เคยมีลูกพี่เป็นต่างชาติก็ทำให้ประชากรค่อนข้างที่จะมีระเบียบถึงแม้ในปัจจุบันทุกวันนี้จะโรยราลงไปบ้างแต่เรื่องภาษายังคงแข็งแรง และจะได้เห็นกันตอนที่ AEC เปิดอย่างเป็นทางการครับ จะมีฟิลิปินโนเข้ามาแย่งงานในระดับต่ำกว่า B+ จากคนไทยพอสมควรทีเดียว
เราเชื่อกันมานานแล้วว่าเรื่องการบริการเราไม่ด้อยกว่าชาติไหนๆ ท่านพูดได้ครับถ้าท่านยังไม่เคยเจอฟิลิปปินส์เกรดดีๆ ให้บริการท่าน การเดินทางท่องไปในครั้งนี้ของพวกเรา AOC แห่งสยามประเทศได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเหลือเกินจากเจ้าภาพ AOC Manila และ ASEAN AOC
เขาพาเราดูงานและพบปะกับบุคคลสำคัญทั้งสิ้นที่ดูแลกิจการการบินของประเทศ มีหลายอย่างที่เป็นประโยชน์เราเรียนรู้จากเขาและเขาได้เรียนรู้จากเรา
ในขณะที่เรามัวแต่ทะเลาะกันเขาได้นำความคิดเรื่อง ASEAN AOC ที่คุยกันไว้เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้วไปพัฒนาจนเกิดเป็นรูปร่างชัดเจนและกำลังจะมีบทบาทสำคัญในระยะเวลาอันใกล้นี้
นอกจากจะไปพูดคุยกับ สนามบินนีนอยอาควิโน แล้วเรายังประชุมกับคณะตำรวจแห่งชาติกับหัวหน้าแผนกที่ดูแลเรื่องสนามบินโดยเฉพาะ ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานมาตรฐานความปลอดภัยด้านคมนาคมที่ดูแลทั้ง การบิน การขนส่งทั้งถนนและระบบรางและการขนส่งทางน้ำ
สำคัญที่สุดได้ไปพูดคุยกับคณะผู้บริหารของ Clark Airport ที่เคยเป็นฐานทัพเก่าของอเมริกันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับอู่ตะเภาของเราอย่างยิ่งครับ
ท่านจะเห็นได้เลยว่า AOC ของเขาแข็งแกร่งและได้รับการสนับสนุนจริงๆ จากภาครัฐไม่อย่างนั้นเขาจัดประชุมให้เราได้พบกับบุคคลสำคัญๆอย่างนี้ไม่ได้หรอกครับ ย้อนกลับมาดูของเราในวันที่เกิดวิกฤติปัญหาด้านการบิน ประธาน AOC ของไทยเราจะเข้าพบอธิบดีกรมการบินพลเรือนยังลำบากมาก
คราวหน้าจะเล่าเรื่อง Clark ต่อครับน่าสนใจมากๆ