Covid-19 นั้นเปลี่ยนโลกของเราไปหลายอย่างนะครับ ถือเป็นการก้าวกระโดดที่ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะคือ “การใช้จ่าย” จากเดิมที่เรามักใช้เงินสด เมื่อเกิดโควิด-19 ก็ต้องหันมาใช้เงินดิจิทัลที่มีความปลอดภัยมากกว่า (ใช้จ่ายทางไกลได้ ไม่ต้องสัมผัสตัวกันใกล้ ๆ และเงินไม่หลุดหล่นหายไปจากตัวเราแน่ ๆ) และช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัยมากสุด ๆ อีกหนึ่งช่องทางคือ “บัครเครดิต” ซึ่งวันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่า ธนาคารกสิกรไทยทำงานร่วมกับวีซ่า อย่างไรเพื่อรับประกันว่าทุกการใช้จ่ายจะปลอดภัย เงินทุกบาททุกสตางค์ในวงเงินเครดิตของเราจะถูกปกป้องอย่างดี ไม่ถูกใครขโมยเอาไปใช้ง่าย ๆ

จากผลสำรวจของวีซ่าได้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากได้เริ่มซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นครั้งแรกหลังโควิค-19 โดย 2 ใน 3 ของผู้ทำแบบสำรวจระบุว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นในอนาคต และ 2 ใน 3 ของผู้ทำแบบสำรวจบอกว่าต่อไปนี้จะใช้การชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลักแทนที่การใช้งานเป็นเงินสดแล้ว

อ้างอิงผลสำรวจจาก Kantar COVID-19 Barometer
fieldwork 27-31 มีนาคม ค.ศ. 2020 ผลสำรวจนี้รวบรวมข้อมูลผู้บริโภคในตลาด 40 แห่งทั่วโลก และ 11 ตลาดในเอเชียแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย ผนวกกับการตรวจสอบเว็บโดยอิงจากสิ่งที่ผู้คนพูดถึงและค้นหาบนอินเทอร์เน็ต

เรื่องนี้ธนาคารกสิกรไทยและวีซ่าได้ทำงานร่วมกันเพื่อนำโซลูชันใหม่ ๆ มาใช้เสริมความปลอดภัยให้กับการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลครับ ซึ่งเราคัดเอาโซลูชันเด่น ๆ ที่เสริมแกร่งด้านความปลอดภัย ให้เราช้อปออนไลน์ได้สบายใจมาได้ดังนี้ครับ

ตัวอย่างของโซลูชันที่น่าสนใจ ดังนี้

  • One Time Password หรือ OTP ที่หลายคนคุ้นเคยกับการใช้งานมากที่สุด ซึ่งลูกค้าจะได้รับพาสเวิร์ดแบบใช้ครั้งเดียวผ่านทางข้อความในโทรศัพท์มือถือเพื่อยืนยันคำสั่งซื้อนั้น ๆ
  • EMV Chip (อีเอ็มวี ชิพ) คือ ชิปขนาดเล็กที่อยู่บนหน้าบัตรเครดิต และทุกครั้งที่ลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตร ตัวชิปนี้จะมีหน้าที่ออกโค้ดสำหรับการทำธุรกรรมในแต่ละครั้ง การใช้บัตรแบบชิปการ์ดหมายความว่าผู้ถือบัตรจะได้รับความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกระดับ หรือที่รู้จักกันว่าการพิสูจน์รายการแบบไดนามิคที่ตัวโค้ดจะถูกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งเป็นตัวเสริมให้กับระบบการตรวจสอบรายการทุจริตแบบเรียลไทม์ ที่ธนาคารผู้ออกบัตรใช้ในการตัดสินใจอนุมัติรายการ
  • Visa Advanced Authorization (วีซ่า แอดวานซ์ ออโทไรซ์เซชั่น) คือโซลูชั่นที่ทำงานโดยการประยุกต์เทคโนโลยี Machine Learning เข้ากับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจหาข้อมูลความเสี่ยงต่าง ๆ มากกว่า 500 จุด เพื่อประเมินว่าธุรกรรมนั้น ๆ มีค่าคะแนนความเสี่ยงเท่าไร โดยคะแนนความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปใช้กับบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เพื่อที่ธนาคารกสิกรไทยจะได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการอนุมัติหรือปฏิเสธแต่ละธุรกรรม โดยเฉลี่ยในแต่ละวัน วีซ่ามีการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะนี้มากกว่า 6,000 ล้านรายการ และเมื่อใช้ข้อมูลนี้ประกอบกับการวิเคราะห์ข้อมูลการพิสูจน์ตัวตนอื่น ๆ เช่น ไบโอเมทริกซ์ (Biometrics) เพื่อระบุตัวตนเจ้าของบัตรด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
  • Visa Tokenization (วีซ่า โทเค็นไนเซชัน) มีหน้าที่ในการช่วยยืนยันว่าข้อมูลของผู้ถือบัตรจะไม่ถูกเปิดเผยระหว่างการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยโซลูชั่นนี้จะเปลี่ยนรายละเอียดบัญชี อาทิ เลขหน้าบัตร 16 หลัก เลข CVV หลังบัตร หรือวันหมดอายุของบัตร ไปเป็นรหัสเฉพาะ (Token) เช่น 1001 1100 0111 0001 โซลูชันโทเค็นของวีซ่านี้จะช่วยให้ธนาคารผู้ออกบัตรสามารถประมวลผลการชำระเงินได้โดยไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดบัญชีจริง

พร้อมกระบวนการแก้ไขหากเกิดปัญหา

แม้เราจะพยายามเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา แต่กสิกรไทยและวีซ่าก็ไม่นิ่งนอนใจ เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจได้ หากได้รับใบเรียกเก็บที่มีรายการที่คุณไม่คุ้นเคยอยู่ หรือ จำนวนเงินไม่ถูกต้อง เราก็มีนโยบาย chargeback เพื่อช่วยเหลือผู้ถือบัตรในการทักท้วงรายการใช้บัตรเครดิตและเดบิต หากเกิดการโจรกรรมหรือถูกเรียกเก็บเงินในจำนวนเงินที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งนโยบายนี้จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ถือบัตรในการทำธุรกรรมต่างๆ อย่างไร้กังวล

ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริการเงินดิจิทัล ที่เมื่อบัตรเครดิต หรือเดบิต ของคุณสูญหายหรือถูกขโมย สิ่งเดียวที่ผู้ถือบัตรต้องทำคือติดต่อธนาคารผู้ออกบัตรอย่างเร็วที่สุด เพื่อให้ธนาคารระงับการใช้งานของบัตร ตรวจสอบข้อมูล และประสานงานเพื่อช่วยเหลือให้ไม่เกิดความเสียหายทางการเงินแก่เจ้าของบัตรอย่างทันท่วงที ซึ่งถ้าเทียบกับกรณีทำกระเป๋าสตางค์หาย และมีเงินสดจำนวนหนึ่งอยู่ในนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะได้เงินสดจำนวนนั้นคืน

การลงทุนของธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิกรไทยได้มีการลงทุนในระบบตรวจสอบการทุจริตของธุรกรรม ที่ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจพบการทุจริตในการชำระเงินออนไลน์ได้ทันท่วงที ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือบัตรและรักษาอีโคซิสเท็มทางการเงินของธนาคารให้ปลอดภัย โดยในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ธนาคารได้เห็นถึงการเติบโตถึง 100 เปอร์เซ็นต์ของยอดค่าใช้จ่าย ในหมวดของการช้อปปิ้งออนไลน์ ดังนั้นการรักษามาตรฐานความปลอดภัยในโลกการค้าดิจิทัลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในปัจจุบัน และอนาคต

ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมการชำระเงินในระดับภูมิภาค โดยได้รับรางวัล “สุดยอดองค์กรด้านความปลอดภัยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากวีซ่า ประจำปี 2563 (Visa Champion Security Award Southeast Asia 2020)” ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับธนาคารที่มีนโยบาย กระบวนการ และแนวปฏิบัติยอดเยี่ยมในการพัฒนาความปลอดภัยของเครือข่ายการชำระเงิน และทำให้การค้าของประเทศไทยเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งภารกิจนั้นยังคงต้องเดินหน้าพัฒนาและต่อยอดเสริมความแข็งแกร่งในระบบความปลอดภัยด้านการเงินอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยมองเห็นคืออนาคตที่ผู้บริโภค และภาคธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ใช้เงินสดน้อยลง ขั้นตอนการทำธุรกรรมทางการเงินบนช่องทางดิจิทัลที่สะดวกสบายขึ้น และโลกออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย ในขณะที่ผู้บริโภคกำลังปรับตัวเข้าสู่วิถีชิวิตแบบใหม่ และธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กกำลังหาแนวทางในการขยายและดำเนินธุรกิจในโลกใบใหม่ ธนาคารกสิกรไทยจะมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนา และลงทุนในการเสริมสร้างมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นและปลอดภัยให้แก่ทุกคน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส