ขึ้นชื่อว่า Apple ทุกคนก็คงนึกถึงผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี นักออกแบบใช้เวลาครุ่นคิดสร้างตัวต้นแบบตัวแล้วตัวเล่า เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชั่นดี รูปลักษณ์สวยงาม แต่ถ้าเรามองผ่านม่านหมอกการบิดเบือนความจริงไปได้ ก็จะพบว่าหลายๆ ผลิตภัณฑ์ออกแบบได้แย่มากอย่างไม่น่าให้อภัย แต่หลายคนก็ยังทนใช้กันต่อไปเพราะว่ามันสวย
เว็บแบไต๋จึงขอรวบรวมผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ลใกล้ตัว ที่สวยแต่รูป จูบไม่หอมมาให้ดูกัน
Apple USB Mouse
หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ Hockey puck เมาส์หลากสีที่ขายมาพร้อมกับ iMac รุ่นแรก หลังจากที่ Steve Jobs เข้ามาพื้นฟูบริษัทแอปเปิ้ลให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ภายใต้รูปลักษณ์ที่น่ารักของ Hockey Puck ได้แฝงความมั่นใจของผู้ออกแบบไว้เต็มเปี่ยม โดยที่ไม่สนใจประสบการณ์ของผู้ใช้เลย ทำให้เมาส์รุ่นนี้จัดเป็นเมาส์ที่ออกแบบแย่ที่สุดรุ่นหนึ่งในโลก ตั้งแต่ขนาดเล็กเกินไป จับไม่ถนัดมือ รูปทรงกลมจนผู้ใช้จับผิดจับถูกบ่อยๆ จนในรุ่นหลังๆ แอปเปิ้ลต้องทำสัญลักษณ์ให้ผู้ใช้สัมผัสได้ว่าไหนหัว ไหนใต้
ข้อดีของ Hockey Puck หนึ่งเดียวคือทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมได้รายได้เป็นกอบเป็นกำอย่าง Griffin iMate ADB to USB หัวแปลง ADB เป็น USB ทำให้ผู้ใช้สามารถเอาเมาส์แอปเปิ้ลรุ่นเก่ามาต่อกับ iMac ได้ หรือ iCatch เคสสำหรับเมาส์ที่ทำให้ Hockey Puck จับง่ายขึ้น
แน่นอนว่าแอปเปิ้ลทนกระแสตอบรับไม่ไหว ทำให้ Apple USB Mouse มีชีวิตอยู่ได้แค่ในช่วงปี 1998 – 2000 หลังจากนั้นแอปเปิ้ลก็เข็น Apple Pro Mouse เข้ามาแทน
Mighty Mouse
ถัดจากความกากของ Hockey Puck ไปได้ไม่กี่ปี แอปเปิ้ลก็ส่งเมาส์ที่เหมือนจะดีออกมาแทน Apple Pro Mouse คือ Mighty Mouse เมาส์สีขาวมีลูกบอลตรงกลางที่หลายคนน่าจะเคยใช้กัน
Mighty Mouse ไม่ได้มีจุดอ่อนเรื่องการจับถือเหมือนกับ Hockey Puck แต่จุดอ่อนในการออกแบบที่สำคัญคือเจ้าลูกบอลตรงกลางที่ใช้เลื่อนหน้าจอทั้งแนวตั้งและแนวนอนมีอายุการใช้งานสั้นมาก มันจึงเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เราจะได้จับ Mighty Mouse ที่ลูกล้อตรงกลางใช้ไม่ได้ ซึ่งเอาเข้าจริงถ้าแอปเปิ้ลออกแบบให้มันทำความสะอาดง่าย ก็คงลดปัญหาไปได้เยอะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการใช้งานที่ต้องใช้ความคุ้นเคยพอสมควร เช่นถ้าจะคลิกเมาส์ขวา ผู้ใช้ก็ต้องยกนิ้วออกจากเมาส์ข้างซ้ายเลย แม้ว่าจะแตะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ออกแรงกดก็ไม่ได้ ไม่งั้นจะคลิกขวาไม่ได้
Mighty Mouse มีอายุอยู่ในตลาดนานหน่อยคือตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปี 2009 ก่อนที่จะออกเมาส์ตัวที่กากน้อยลงมาอีกหน่อยอย่าง Magic Mouse ออกมา
Magic Mouse
หลายคนอาจจะคิดว่า Magic Mouse เนี่ยนะเป็นการออกแบบที่ผิดพลาด ก็ใช่ครับ เทียบกับรุ่นพี่ 2 รุ่นก่อนหน้านี้ก็ถือว่า Magic Mouse เป็นเมาส์ที่ดีตัวหนึ่งเลย แต่ก็ยังออกแบบโดยใช้ความสวยเป็นที่ตั้ง ไม่ได้สนใจเรื่องการใช้งานเหมือนเดิม
จุดอ่อนของ Magic Mouse คือมันเป็นเมาส์ที่แบนมาก เทียบกับเมาส์รุ่นอื่นๆ ที่ออกแบบตามหลัก Ergonomics ที่โค้งรับกับมือผู้ใช้มากกว่านี้ ทำให้เวลาใช้งานนานๆ ผู้ใช้จึงปวดมืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ใช้จำนวนหนึ่งจึงเลือกที่จะซื้อเมาส์จากผู้ผลิตอื่นๆ มาใช้กับแมคแทนดีกว่า
นอกจากนี้ Magic Mouse ยังมีปัญหากินแบตเตอรี่มาก อายุแบตเตอรี่สั้นมากเมื่อเทียบกับเมาส์ไร้สายแบรนด์อื่นๆ
สรุป Mouse ของแอปเปิ้ลเป็นความหมองด้านการออกแบบให้ตอบสนองกับผู้ใช้เลย เทียบกับ Apple Keyboard หรือ Magic Trackpad ที่ออกแบบการใช้งานได้ดีกว่ามาก ถ้าใครจะซื้อแมคใช้ ไม่แนะนำอย่างยิ่งให้ซื้อ Magic Mouse มาใช้ครับ เลือกเป็น Magic Trackpad หรือซื้อเป็นเมาส์ดีๆ ยี่ห้ออื่นๆ มาใช้จะดีกว่า
Macbook Air (1st Gen)
ตามสไตล์ผลิตภัณฑ์ Apple ในรุ่นแรกนะครับ ที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาด แต่ตั้งราคาสูงมหาโหด ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือ Macbook Air รุ่นแรกที่ขายนวัตกรรมโน้ตบุ๊กที่บางเบาที่สุดเครื่องหนึ่งในโลก พร้อมการพรีเซนต์ที่น่าทึ่งของ Steve Jobs ที่เปรียบ Macbook air ว่าบางจนสามารถเอาใส่ซองกระดาษมาพรีเซนต์ได้
แต่ถ้าใครหลงมนต์สะกดเหล่านี้ คุณจะพบความจริงที่เจ็บปวดว่า
การมี USB เพียงช่องเดียวคือความเจ็บปวดในชีวิต
ผู้ออกแบบเน้นความสวยงามของ Macbook Air เป็นอย่างมากจนถึงขั้นเก็บพอร์ตเชื่อมต่อของ Macbook Air ไว้ในบานพับอย่างสวยงาม และตัดให้เหลือ USB เพียงช่องเดียว ทำให้การทำงานต่างๆ ไม่สะดวกเป็นอย่างมาก และที่ไม่น่าเชื่อคือแอปเปิ้ลจะใช้อีโก้นี้อีกครั้งใน Macbook ที่ตัดพอร์ตทุกอย่างไปจนหมด เหลือแค่ USB-C ตัวเดียว
ประสิทธิภาพเครื่องเข้าขั้นเลวร้าย และแอปเปิ้ลก็หักหลังผู้ซื้อรุ่นแรกในต้นปี 2008 อย่างรวดเร็วด้วยรุ่นปรับปรุงในช่วงปลายปี 2008 ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพไปหลายส่วน จนปัจจุบัน Macbook Air รุ่นแรกก็อัปเดท OSX ได้เพียง 10.7 เท่านั้น ในขณะที่รุ่นที่ตามหลังมาเพียงไม่กี่เดือน กลับสามารถอัปเดทได้ถึง OSX 10.10 ในปัจจุบัน
มาถึงปัจจุบัน Macbook Air เป็นคอมพิวเตอร์ที่ดีมากตัวหนึ่งนะครับ แต่ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ก็บอกเราว่าอย่าเชื่อใจผลิตภัณฑ์รุ่นแรก ที่เต็มไปด้วยอีโก้ แต่ราคาสูงของแอปเปิ้ล
Apple Watch
เพิ่งเตือนไปตะกี้ว่าอย่าเชื่อใจผลิตภัณฑ์รุ่นแรกของแอปเปิ้ล ก็เจอแอปเปิ้ลเอา Apple Watch ตบหน้าเลย
ภายใต้ภาพลักษณ์ที่งดงามของ Apple Watch ตัวนี้ ถ้ามองดีๆ จะเห็นปัญหาในสไตล์สวยแต่รูป จูบไม่หอมอยู่เยอะมาก ไล่เรียงเป็นข้อๆ ดังนี้
- แบตเตอรี่อย่างกาก ถึงจะสะกดจิตว่าการชาร์จทุกวันเหมือนโทรศัพท์ แต่มันไม่ใช่โทรศัพท์นะ มันเป็นนาฬิกา
- กระจกหน้าปัดยื่นออกไปรับทุกแรงในโลกแบบที่ไม่มีใครเค้าออกแบบนาฬิกาข้อมือกันแบบนี้ ผลก็คือ Apple Watch จัดเป็นนาฬิกาที่โค้งอย่างสวยงาม และแตกได้ง่ายอย่างงดงามเช่นกัน
- ตั้งราคาสูงเป็นของพรีเมี่ยม แต่ถ้าแอปเปิ้ลออกรุ่นใหม่ก็แทบไม่เหลือราคาเช่นกัน เพราะ Apple Watch เป็นสินค้าเทคโนโลยีด้วย แถมยังเป็นสินค้าที่ข้อบกพร่องเยอะ เมื่อ Apple Watch 2 ใครจะอยากได้รุ่นแรก (ยกเว้นสาวกนักสะสม)
ก็เอาเป็นว่าอ่านแล้วก็เตือนสติตัวเองกันนะครับ ถึงแม้ว่าสินค้าของแอปเปิ้ลนั้นส่วนใหญ่จะมีคุณภาพสูงก็จริง แต่สินค้าหลายชิ้นก็ออกมาแบบไม่เกรงใจคนใช้เหมือนกัน ยังไงก็ลองถามตัวเองให้ดีๆ ก่อนว่ายอมรับกับความผิดพลาดอย่างตั้งใจของแอปเปิ้ลได้หรือไม่นะครับ