กระแสของรถไฟฟ้าในปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยมและมีการเติบโตมากยิ่งขึ้น ทิศทางของรถไฟฟ้าในหลาย ๆ ประเทศเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เนื่องจากรัฐบาลออกนโยบายปรับเปลี่ยนการใช้งานรถยนต์ไปเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดภายในเวลา 5-10 ปีข้างหน้า ทั้งไฟฟ้าล้วน (EV) และ ไฮบริด (HEV) รวมถึงปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) การมองหารถไฟฟ้าไว้ใช้สักคัน ต้องคำนึงถึงหลาย ๆ อย่าง ทั้งในเรื่องของราคา ระยะทาง ขนาดของรถ รวมไปถึงศูนย์บริการและสถานีชาร์จ ทำให้บางคนยังลังเลที่จะเลือกใช้ และมองหารถยนต์พลังงานทางเลือกอื่นอย่าง ไฮบริด (HEV) กับ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มาใช้แทน ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีก็มีการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วย แต่ประสิทธิภาพและการใช้พลังงานไฟฟ้ากลับต่างกันโดยสิ้นเชิง
ความแตกต่างระหว่างไฮบริด (Hybrid) กับปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
รถไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle-HEV) | รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle-PHEV) |
ใช้เครื่องยนต์เป็นกำลังขับเคลื่อนหลัก รวมทั้งใช้เครื่องยนต์ช่วยเปลี่ยนพลังงานกลไปเป็นพลังงานไฟฟ้า และไปเก็บสำรองไว้ในแบตเตอรี่ ซึ่งพลังงานไฟฟ้าจะถูกนำใช้ในช่วงที่ขับด้วยความเร็วต่ำ หรือช่วงที่จอดรอ รวมถึงช่วงออกตัว แต่เมื่อความเร็วสูงขึ้นระบบจะตัดการทำงานไปที่เครื่องยนต์ทันที | เป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดจากระบบไฮบริด แต่มีข้อดีกว่าคือสามารถเลือกขับแบบใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ได้ บางรุ่นสามารถใช้ความเร็วได้ถึง 155 กม./ชม. โดยไม่ตัดการทำงานไปที่เครื่องยนต์เลย รวมถึงสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟจากภายนอกได้ ส่วนการขับเคลื่อนปกติจะใช้เครื่องยนต์ควบคู่กับพลังงานไฟฟ้าตลอดเวลา ทำให้ได้อัตราเร่งที่แรง ตอบสนองทันใจ |
จะเห็นได้ชัดว่ารถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle-PHEV) มีความเหนือกว่าในหลายจุด และมีความใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% อีกด้วย อย่างรถ MG HS PHEV ที่มีเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด สามารถเลือกขับแบบใช้ไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งเป็นระยะที่เพียงต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน นั่นเท่ากับใน 1 วันคุณอาจไม่ต้องใช้น้ำมันเลย และเมื่อไม่มีการทำงานของเครื่องยนต์ รถก็จะไม่ปล่อยไอเสีย ไม่สร้างมลพิษ แถมไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวนด้วย
การชาร์จ
สำหรับการชาร์จก็สามารถชาร์จไฟได้ได้ง่าย ๆ เพียงเสียบปลั๊กไฟชาร์จผ่าน MG Home Charger สามารถชาร์จจาก 0%-100% ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. เท่านั้น จะเสียบไว้ก่อนนอน ตอนเช้าค่อยมาถอดปลั๊กก็ได้ หรือในระหว่างทางในการขับขี่ก็สามารถชาร์จตู้ชาร์จสาธารณะแบบ AC ที่ปัจจุบันมีให้บริการอยู่ทั่วประเทศ อย่างเช่น ห้าง คอนโด อาคารสำนักงาน เป็นต้น การขับขี่ในโหมด EV ไฟฟ้า 100% สามารถขับได้ไกลถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งก็เพียงต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
หากไฟฟ้าหมดก็สามารถวิ่งต่อได้ เพราะ MG HS PHEV มีระบบไฮบริดที่ใช้กำลังจากเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนแทน (Normal Mode) หลายคนอาจสงสัยว่าในเมื่อไฟฟ้าหมด แล้วมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานได้อย่างไร คำตอบคือรถจะยังคงมีไฟฟ้าสำรองอยู่ในระบบเสมอ อีกทั้งยังมีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ขณะขับขี่ด้วย เรียกได้ว่าไปต่อไม่มีสะดุด สะดวกเมื่อไหร่ค่อยชาร์จเพิ่มก็ได้
นอกจากการใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดแล้ว MG HS PHEV ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System กว่า 25 ระบบ แบ่งเป็น Synchronized Protection System ที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ 14 ระบบ ยกตัวอย่างเช่น ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ ARP ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS อีก 11 ระบบคือ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมีหน้าที่ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เทียบเท่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 (Partial Automation) ซึ่งแบไต๋ได้เคยนำเสนอไปแล้วสามารถอ่านได้ที่ คลิก
ดีไซน์ MG HS PHEV
ดูดีไซน์ภายนอกกันบ้างดีกว่า สำหรับ MG HS PHEV ดีไซน์มีความโดดเด่นทันสมัยซึ่งผสานความหรูหราและความสปอร์ตได้อย่างลงตัว มาพร้อมกระจังหน้าเอกลักษณ์เฉพาะของเอ็มจีแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
สำหรับดีไซน์ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสี 2-Tone Monaco Blue เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat เบาะนั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง พร้อมหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) บนพื้นที่เกือบ 90% ของพื้นที่หลังคา จอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีนขนาด 10 นิ้ว
การันตีด้วยรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี
ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่โดดเด่น ทำให้ล่าสุด MG HS PHEV ได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี พ.ศ. 2564 (Product Innovation Awards 2021) ประเภทกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์พลังงานทางเลือก จัดโดยนิตยสาร BUSINESS+ เพื่อมอบให้แก่สินค้าและบริการที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยผ่านการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิ และผลโหวตจากผู้บริโภคทั่วประเทศผ่านช่องทางออนไลน์นอกจากนี้ MG HS PHEV ยังเป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีการจำหน่ายไปแล้วกว่า 15 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ ไอร์แลนด์ อิสราเอล อิตาลี นอร์เวย์ สเปน สวีเดน เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และประเทศไทย
สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์พลังงานทางเลือกไว้ใช้งาน MG HS PHEV ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว ด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดจะเดินทางไปไหนก็สะดวก อีกทั้งยังสามารถวิ่งด้วยโหมด EV 100% ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กิโลเมตร แถมติดตั้งระบบความปลอดภัยกว่า 25 ระบบ และที่สำคัญราคาจับต้องได้เพียง 1,359,000 บาท MG HS PHEV คันนี้เป็นรถ SUV ที่มีความเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า และเหนือกว่ารถไฮบริดทั่วไปอย่างแท้จริง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส