สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ขอไม่เปิดเผยนามว่ารัฐบาลจีนได้มีคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจเปลี่ยนมาใช้พีซีของผู้ผลิตในประเทศแทนที่แบรนด์ต่างประเทศภายในกรอบเวลา 2 ปี และเป็นไปได้ว่าเฉพาะหน่วยงานรัฐจะแทนที่อย่างน้อยจำนวน 50 ล้านเครื่อง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ถูกขอให้เปลี่ยนพีซีแบรนด์ต่างประเทศมาใช้ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาเองในประเทศด้วยตัวเองหลังจากวันหยุดยาวช่วงวันแรงงานในเดือนพฤษภาคม
การตัดสินใจในครั้งนี้มีผลทำให้แคมเปญการแทนที่เทคโนโลยีนำเข้าด้วยเทคโนโลยีในประเทศมีความก้าวหน้าขึ้น ซึ่งจีนได้พยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากคู่แข่งทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน ซึ่งจีนได้เห็นช่องโหว่อย่างชัดเจนหลังจากที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรบริษัทเทคโนโลยีของจีน เช่น หัวเว่ย (Huawei) ดังนั้นตั้งแต่ปี 2021 รัฐบาลจีนก็ได้ซุ่มสนับสนุนบริษัทในประเทศพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง
จีนได้สนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐใช้อุปกรณ์ไอทีที่ผลิตโดยบริษัทในประเทศมานานนับสิบปี และโครงการล่าสุดการเปลี่ยนมาใช้พีซีที่ผลิตโดยบริษัทในประเทศได้สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีความเชื่อมั่นในพีซีของตัวเองมีประสิทธิภาพเพียงพอที่ไม่ต้องพึ่งพาแบรนด์ต่างประเทศ
ตัวอย่างแบรนด์พีซี แล็ปท็อปและเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำของจีน ได้แก่ Lenovo, Huawei และ Inspu ในส่วนของระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ของบริษัทจีนก็มี Standard Software และ Kingsoft แต่ที่แน่ ๆ ข่าวของโครงการนี้ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทแบรนด์พีซีชั้นนำของคู่แข่ง คือ HP และ Dell ตกลงมาประมาณ 2.5% เมื่อวันศุกร์
อย่างไรก็ตาม นโยบายผลักดันให้หน่วยงานของรัฐสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ในประเทศนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันในหน้าสื่อ ซึ่งสหรัฐฯ เองก็มีนโยบายเปลี่ยนรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันของหน่วยงานรัฐมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตเองในประเทศ แต่ทั้งนี้พีซีของจีนยังจำเป็นต้องพึ่งพาซีพียูที่เป็นเทคโนโลยีของบริษัทสหรัฐฯ
ที่มา : bloomberg
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส