Wall Street Journal ได้รายงานว่า Apple วางแผนที่จะเปิดตัว Apple Car ในปี 2019 แต่รายละเอียดต่างๆของรถยนต์ภายใต้ชื่อโปรเจ็ค Titan นั้นยังคงถูกปิดเงียบเป็นความลับอยู่

เป็นทีรู้กันดีว่า Apple มีความเชี่ยวขาญในการนำสิ่งที่คู่แข่งทำได้ไว้ก่อนแล้วมาพัฒนาต่อให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เหมือนอย่างเช่นที่เคยทำกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็บท็อป จึงมีความเป็นไปได้ว่า Apple อาจยกระดับ Smart Car ให้สูงขึ้นไปอีกก็เป็นได้

เราลองมาดูฟีเจอร์ใดบ้างที่เหล่าสาวกคาดหวังว่า Apple น่าจะกำลังพัฒนาให้กับ Apple Car

1. การออกแบบที่โฉบเฉียว เพรียวลม

a-sleek-aerodynamic-design

ภาพคอนเซ็ปต์ โดย Aristomenis Tsirbas

กาที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั้น การออกแบบจะต้องเป็นแบบ Aerodynamic (แอร์โรไดนามิค: อากาศพลศาสตร์) เพื่อลดแรงเสียดทาน ซึ่งภาพคอนเซ็ปต์ Apple Car ที่ปรากฏข้างต้นก็ถือได้ว่าเป็นแนวคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว

2. สามารถขับได้ 400 – 500 ไมล์ จากการชาร์จ 1 ครั้ง

all-electric-with-a-range-of-400-to-500-miles-with-a-single-charge

Tesla Model 3 ที่จะเปิดตัวในปี 2017 จะสามารถวิ่งได้ 250 ไมล์ จากการชาร์จ 1 ครั้ง

Audi ที่จะเปิดตัวในปี 2018 จะสามารถวิ่งได้ 310 ไมล์ จากการชาร์จ 1 ครั้ง

ถ้าหาก Apple อยากจะเอาชนะคู่แข่งให้ได้ จะต้องพัฒนาให้สามารถวิ่งได้ไกลกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งไม่ควรจะน้อยกว่า 400 – 500 ไมล์ จากการชาร์จ 1 ครั้ง

3. ชาร์จเร็วสุดๆ

a-super-fast-charge-time

คอนเซ็ปต์ Porsche Mission E

Audi ที่จะเปิดตัวในปี 2018 สามารถชาร์จไฟได้เต็มภายใน 50 นาที

คอนเซ็ปต์ Porsche Mission E สามารถชาร์จได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 15 นาที

แล้ว Apple ล่ะ…….

4. มาตรฐานเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ

self-driving-technology-standard

ภาพที่คาดว่าจะเป็นรถตู้ Apple ที่กำลังทดสอบระบบการขับขี่อัตโนมัติ

หลายบริษัทไม่ว่าจะเป็น Google, BMW และ Volkswagen ได้เริ่มทดสอบระบบขับขี่อัตโนมัติบนท้องถนนไปแล้ว อีกทั้ง Tesla และ BMW ยังได้มีการติดตั้งระบบนำทางอัตโนมัติ (Autopilot)

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็น Apple Car มีทั้งระบบนำทางอัตโนมัติ และสามารขับขี่อัตโนมัติได้อีกด้วย

5. ระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

built-in-security-against-cyber-attacks

จากการทดสอบพบว่า ยังคงมีช่องโหว่ในระบบนำทางอัตโนมัติให้เหล่าแฮ็คเกอร์สามารถทำการโจมตีเป้าหมายได้ จึงเป็นข้อดีอย่างยิ่งที่ Apple จะเร่งพัฒนาและติดตั้งระบบให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

6. หน้าจอเพื่อแสดงข้อมูลและความบันเทิงต่างๆ

lots-of-displays-for-data-and-entertainment

จากภาพสิทธิบัตรที่ Apple ได้จดในปี 2009 แสดงให้เห็นว่าทางบริษัทกำลังพัฒนาหน้าจอสัมผัสและอินเทอร์เฟซสำหรับช่วยในการขับขี่รถยนต์

7. ใช้ Siri ควบคุมทุกอย่างในรถ

siri-to-control-everything-in-the-car

Apple อาจใช้ Siri ในการควบคุมทุกอย่างในรถผ่านฟีเจอร์ CarPlay ไม่ว่าจะเป็นเปิดเพลง เปิดแอร์ เพิ่มความเร็ว เปิดไฟ และอื่นๆอีกมากมาย

8. Gesture Control

gesture-control

BMW ได้มีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ Gesture Control ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ๆแล้ว และ Apple ก็อาจจะเพิ่มเติมฟีเจอร์ดังกล่าวลงไปใน Apple Car ด้วย นอกเหนือจากการใช้ Siri ในการควบคุมรถ

9. เทคโนโลยี Eye Tracking

eye-tracking-technology-for-improved-access-to-functions

เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในด้านของความปลอดภัย โดยรถยนต์จะเริ่มขับขี่โดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าผู้ขับขี่เริ่มที่จะหลับตาเป็นเวลานานเกินไป หรือไม่สนใจการขับรถมากเท่าที่ควร

10. ผสานการทำงานร่วมกับ Apple Watch และ iPhone เพื่อควบคุมรถจากระยะไกล

integration-with-apple-watch-and-iphone-to-control-and-monitor-the-car-remotely

BMW รุ่นใหม่ เริ่มที่จะให้ผู้ขับขี่สามรถควบคุมรถจากระยะไกลผ่านทางสมาร์ทว็อทช์ของ Samsung ได้แล้ว และ Apple ก็อาจจะใช้ Apple Watch กับ iPhone ทำงานในลักษณะเดียวกัน อีกทั้งยังอาจสตาร์ทรถด้วย Apple Watch หรือ iPhone ได้อีกด้วย

11. มีลักษณะเฉพาะบุคคลอย่างชัดเจน

what-we-think-we-know-about-the-apple-car-100655585-primary.idge

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทาง BMW ได้แสดงคอนเซ็ปต์รถยนต์ Mini Vision Next 100 ที่สามารถตั้งค่าให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของผู้ขับขี่แต่ละคน โดยรถจะระบุตัวตนของผู้ขับขี่ว่าเป็นใคร และจะเพิ่มเติมฟังชั่นการทำงานต่างๆลงไปอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเพลง แสงไฟ หรือแม้กระทั่งเลือกเส้นทางที่ผู้ขับขี่ชื่นชอบมากที่สุด

12. สามารถ “เก็บ” พวงมาลัยได้

trw

Volvo, LeEco, Mercedes, BMW และผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้ออกมาโชว์คอนเซ็ปต์รถยนต์ที่มีพวงมาลับแบบ “เก็บ” เข้าไปในแผงคอนโชลหน้ารถได้

แนวคิดดังกล่าวมาจากการที่บางครั้งผู้ชับขี่ต้อการบังคับรถด้วยตนเอง แต่บางครั้งต้องการใช้ระบบการขับขี่อัตโนมัติและระบบนำทางอัตโนมัติ เพื่อที่จะทำงานอื่นในขณะนั่งรถ จึงสามารถเก็บพวงมาลัยลงไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำงานได้

Apple-Has-Been-Working-on-a-Car-for-A-Year-WSJ-473166-2

จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ก็พอที่จะแสดงให้เห็นว่าหลายคนอยากจะให้ Apple Car คันแรกเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีผู้ผลิตรถยนต์รายใดในปัจจุบันที่สามารถพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลย

ที่มา : techinsider