หลังจากที่ผ่านช่วง Beta มาอย่างยาวนาน ในที่สุด Android 13 ก็ได้เผยโฉมออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเวอร์ชันนี้ ถือเป็นเวอร์ชันเต็มอย่างเป็นทางการแล้วด้วย แล้วใน Android 13 นี้มีอะไรใหม่ที่ทำให้เราอยากอัปเดตกันบ้างนะ ? วันนี้เรามา #beartai กัน !
ฟีเจอร์เด่นใน Android 13 จะประกอบไปด้วย ดีไซน์ที่คล้าย ๆ กับใน Android 12 แต่มีฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถตั้งค่าสีได้มากกว่าเดิมผ่าน ‘Material You’ ที่ลงลึกกว่าเดิม รองรับการเปลี่ยนสีในแอปฯที่มากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่แอปของ Google เท่านั้น และยังรองรับไอคอนจากแอปอื่น ๆ เพิ่มขึ้นด้วย หรืออย่างดีไซน์เครื่องเล่นเพลงในหน้าการแจ้งเตือนที่จะเปลี่ยนหน้าตาตามเพลง หรือพอดแคสต์ที่เราฟังอยู่ เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีฟีเจอร์ที่ให้เราสามารถตั้งค่าภาษาของแอปฯเป็นรายแอปฯได้ด้วย เช่นถ้าเราอยากใช้ Google Maps เป็นภาษาไทย แต่แอปอื่น ๆ เป็นภาษาอังกฤษ ก็สามารถตั้งค่าได้จากการตั้งค่าของระบบเลย รวมถึงโหมด ‘เวลานอน’ (Bedtime mode) ที่เพิ่มการลดแสงลง และธีมสีเข้ม ที่จะช่วยให้ตาของเราปรับแสงก่อนที่เราจะนอน และทำให้กลับไปนอนต่อได้ เมื่อตื่นมาเช็กโทรศัพท์ในตอนกลางคืน
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยก็มีมากขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างเช่นการเลือกอนุญาตให้แอปเข้าถึงไฟล์ภาพ หรือวิดีโอของเราแค่เพียงบางไฟล์เท่านั้น หรือการลบข้อความที่เราคัดลอกเอาไว้ในคลิปบอร์ดเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เพื่อไม่ให้แอปฯต่าง ๆ เข้าถึงข้อมูลที่อาจจะละเอียดอ่อนในคลิปบอร์ดของเรา และอีกฟีเจอร์ก็คือการห้ามไม่ให้แอปต่าง ๆ แจ้งเตือนเข้ามาที่อุปกรณ์ของเรา ถ้าเราไม่อนุญาตก่อน แทนที่จะอนุญาตให้แจ้งเตือนไว้เป็นค่าเริ่มต้นนั่นเอง
และตอนนี้ ฟีเจอร์ Spatial Audio และ การรองรับ Bluetooth LE Audio ที่จะทำให้ได้ Bluetooth ที่ความหน่วงต่ำกว่า มีคุณภาพมากขึ้น และรองรับการส่งสัญญาณเสียงไปยังอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน ก็สามารถใช้งานใน Android 13 แล้วในอุปกรณ์ที่รองรับฟีเจอร์นี้
ส่วนในแท็บเล็ตก็มีฟีเจอร์ ‘Taskbar’ ให้สามารถจัดเรียงแอปฯไว้ที่แท็บด้านล่างของจอ ที่จะช่วยให้เราสามารถเปิดหลาย ๆ แอปได้พร้อมกันในโหมดแบ่งหน้าจอด้วย อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็คือฟีเจอร์การวางมือ (Palm Rejection) ที่จะทำให้การใช้ปากกา stylus บนหน้าจอแท็บเล็ต สามารถวางมือได้โดยที่ไม่ลั่นการสัมผัสหน้าจอนั่นเอง
ฟีเจอร์เด่นสุดท้ายก็คือการใช้งานหลายอปุกรณ์ ที่จะให้เราสามารถคัดลอกข้อความ ลิงก์ ภาพ วิดีโอ หรืออื่น ๆ จากอุปกรณ์นึง ไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่งได้ เช่นจะคัดลอกข้อความจากสมาร์ตโฟน ไปวางบนแท็บเล็ต หรือจะคัดลอกจากแท็บเล็ตไปยังสมาร์ตโฟนก็ทำได้ ซึ่งการเป็นฟีเจอร์ใน Android แบบนี้ คาดว่าฟีเจอร์นี้จะสามารถใช้ข้ามแบรนด์ได้ด้วยนั่นเอง รวมถึงสามารถสนทนาผ่านการแชตได้ทุกเวลา ผ่านการส่งข้อความ หรือการแชตต่าง ๆ จากอุปกรณ์ของเรา ไปขึ้นแจ้งเตือนบน Chromebook ได้เลย
Sameer Samat รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์สำหรับ Android ได้กล่าวลงในบล็อกอย่างเป็นทางการของ Google ว่า Android 13 จะรองรับอุปกรณ์ Pixel ของ Google ก่อนเป็นเจ้าแรก จากนั้นจึงจะตามมาใน Samsung, Asus, HMD Global, iQOO, Motorola, OnePlus, Oppo, Realme, Sharp, Sony, Tecno, vivo, Xiaomi, และแบรนด์ ‘อื่น ๆ’ ในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ ใครที่ใช้สมาร์ตโฟน Pixel รุ่นที่รองรับการอัปเดต ซึ่งประกอบไปด้วย Pixel 4, Pixel 4a, Pixel 5, Pixel 5a, Pixel 6, Pixel 6 Pro และ Pixel 6a ก็สามารถอัปเดตไปยัง Android 13 ผ่าน OTA ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนแบรนด์อื่น ๆ คาดว่าจะต้องอดทนรอให้แบรนด์สมาร์ตโฟนแต่ละแบรนด์ได้ส่งอัปเดตซอฟต์แวร์ของตัวเองตามมาในภายหลัง
อ้างอิง 1, อ้างอิง 2, อ้างอิง 3
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส