หลัง ๆ มานี้เราเห็นกลยุทธิ์ของ Apple ที่ชัดเจนในเรื่องการกั๊กเทคโนโลยีไว้ใช้กับ iPhone รุ่นใหม่ ๆ ซึ่งในแง่ของธุรกิจก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจำเป็นเพราะหากเพิ่มของใหม่มาหมดทีเดียว หากหมดมุกก็ย่อมส่งผลต่อยอดขายด้วย (ผู้ถือหุ้นจะพอใจได้ยังไง) และนี่คือคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ Apple กั๊กไว้ กว่าจะนำมาใช้ก็นาน แถมบางอย่างก็ยังไม่ยอมใช้เลยด้วย!

กล้อง Quad Bayer (4 ปี)

iPhone ใช้กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลมาหลายรุ่น จนกระทั่ง iPhone 14 Pro ก็ยอมใช้เทคโนโลยี Quad Bayer ซึ่งก่อนหน้านี้ Nokia 808 PureView ครองตำแหน่งกล้องที่มีความละเอียดสูงสุด (ในสมัยนั้นนะ) ที่ความละเอียด 41 ล้านพิกเซล พร้อมฟิลเตอร์ Bayer จนกระทั่งปี 2018 ทาง Huawei ได้เปิดตัว Huawei P20 และ Mate 20 ที่มีความละเอียดใกล้เคียง 40 ล้านพิกเซล จนในที่สุด สมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ ก็นำหน้าความละเอียดไปได้ อย่าง Huawei nova 4 และ Honor View 20 ที่มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล

5G (1.5 ปี)

Apple เปิดตัว iPhone 11 ในปี 2019 ซึ่งช่วงเวลานั้นสมาร์ตโฟนฝั่ง Android เริ่มรองรับ 5G กันบ้างแล้ว กว่า iPhone จะรองรับ 5G ก็ลากมาถึง iPhone 12 ซึ่งเหตุผลที่ออกมาค่อนข้างช้าเพราะความดื้อรั้นของตัวเอง ที่มัวแต่พัฒนาโมเด็มของตัวเองอยู่

แม้ว่า Apple จะเข้าซื้อแผนกโมเด็มจาก Intel มาได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าการพัฒนาชิปโมเด็ม 5G ของตัวเองจะไม่สำเร็จ แถมมีปัญหาด้านกฎหมายกับ Qualcomm ด้วย จนในที่สุด Apple ก็ต้องยอมใช้โมเด็ม 5G ของ Qualcomm ขัดหลักการของบริษัทที่ต้องการควบคุมระบบนิเวศทั้งหมดด้วยตนเอง

Always On display (6 ปี)

Apple เริ่มใช้หน้าจอ LTPO ครั้งแรกใน Apple Watch Series 5 ทำให้สามารถใช้งาน Always On Display ได้ ซึ่ง iPhone เพิ่งจะใช้หน้าจอ Always On Display ได้ใน iPhone 14 Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้

ทั้งนี้ สมาร์ตโฟน Android เริ่มมีหน้าจอ Always On Display ตั้งแต่ปี 2016 ได้แก่ Samsung Galaxy S7 และ LG G5 ซึ่งในสมัยนั้น Always On Display ค่อนข้างกินแบตพอสมควร แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้วในปัจจุบัน

ชาร์จไร้สาย (8 ปี)

สมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่รองรับชาร์จแบบไร้สายคือ Palm Pre เปิดตัวตั้งแต่ปี 2009 หลังจากนั้นก็มี Nokia Lumia 920 และ Nexus 4 ในปี 2012 แม้ว่าจะใช้เวลาสักพัก แต่สุดท้ายผู้ผลิตสมาร์ตโฟนทุกแบรนด์ก็หันมาใช้ระบบชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi รวมถึง iPhone ชุดแรกคือ iPhone X, iPhone 8 Plus และ iPhone 8 เมื่อปี 2017 ครับ

รอยบาก (3 เดือน)

บางคนอาจจะคิดว่า iPhone X เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่มีรอยบากบนหน้าจอ แต่สมาร์ตโฟนรุ่นแรก ๆ ที่ใช้หน้าจอรอยบากคือ Sharp Aquos S2 เปิดตัววันที่ 14 สิงหาคม ตามด้วย Essential Phone ในวันถัดมา

USB-C (8 ปี)

แม้ว่า iPhone 14 Pro จะยังใช้พอร์ต Lightning ซึ่งใช้มากว่า 10 ปีแล้ว แต่ข่าวดีคือทาง EU ได้ออกกฏหมายให้ Apple ต้องเปลี่ยน iPhone ไปใช้พอร์ต USB-C ทั้งหมดในปื 2023 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า Apple จะเริ่มใช้พอร์ต USB-C กับ iPhone ในปี 2023 หรือ iPhone 15 ซีรีส์ครับ

ที่มา GSMArena

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส