ในช่วง Q&A ชองงาน Geforce Beyond ที่ทาง CEO ของ Nvidia ‘เจนเซ่น หวาง’ (Jensen Huang) จะตอบคำถามต่าง ๆ กับสื่อ เจ้าตัวได้ตอบคำถามเกี่ยวกับราคาของการ์ดจอรุ่น RTX 40 Series พร้อมกับเผยว่าสาเหตุที่การ์ดจอราคาแพงอยู่เพราะปัญหาชิปขาดแคลนในตลาดยังไม่หายไปไหน ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลการ์ดจอจะยังเป็นสินค้าราคาแพงไปอีกยาว ๆ
ด้วยเหตุผลที่ราคาการ์ดจอจะยังคงมีราคาสูง ก็แน่นอนว่าราคาของรุ่น 40 Series ที่ประกาศออกมา ก็ทำเอาหลายคนไม่ค่อยแฮปปี้กับมันเท่าไหร่นัก ซึ่งสาเหตุก็คงเป็นเพราะความสามารถในการทำงานของมันดูไม่ค่อยจะคู่กับราคาที่สูงจัด ๆ สักเท่าไหร่ โดย RTX 40 Series ทั้ง 3 รุ่น (RTX 4080 ’12 GB’ กับ ’16GB’ ตามด้วย RTX 4090) จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 899 – 1,599 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 33,600 – 60,000 บาท)
โดยหวางได้ตอบเพิ่มเติมให้กับทางสื่อ PC World ที่ถามไปว่า “ไอเดียของกฎ Moore มันได้ตายไปแล้วนะทุกคน!! เพราะต่อจากนี้เจ้าเวเฟอร์ 12 นิ้วนี้จะมีราคาแพงขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ ใครที่คิดว่าชิปพวกนี้ราคาจะตก ขอบอกเลยว่ามันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว”
สำหรับใครที่สงสัย ‘กฎของ Moore’ คือแนวคิดของราคาที่คู่กับประสิทธิภาพของ PC ที่มักจะเผยว่ามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากราคาครึ่งหนึ่งทุก ๆ สองปี ซึ่งแทนที่จะตามกฎของ Moore หวางเน้นที่จะจุดราคาของการ์ดจอในสูงกว่าปกติแทน
ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า นอกจากสาเหตุชิปราคาสูงแล้ว ทางทีมงานกำลังผลักดันยอดขายการ์ดจอรุ่นก่อน ๆ อีกด้วย เพราะก่อนหน้านี้ได้มีข้อมูลเผยว่าทาง Nvidia พยายามโละราคาการ์ดจอรุ่นเก่าเพื่อต้อนรับ 40 Series เข้าตลาด แถมในงานพวกเขายังได้กล่าวอีกว่า “RTX 3080 ยังถือว่าเป็นการ์ดจอที่มีคุณภาพสูงอยู่ และแน่นอนว่ามันจะเป็นที่นิยมต่อไปอีกยาว”
ที่มา Digital Trends
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส