เมื่อวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ได้ประกาศปลดพนักงงาน 13% ของบริษัท หรือคิดเป็นจำนวนมากกว่า 11,000 คน จากเดิมที่มีพนักงานอยู่ที่ราว 87,000 คน (นับจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2022)
ซักเคอร์เบิร์กได้กล่าวในจดหมายถึงพนักงานว่า “วันนี้ ผมต้องทำการเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุดเท่าที่ Meta เคยทำมา ผมได้ตัดสินใจลดขนาดของทีมเราลงประมาณ 13% หรือมากกว่า 11,000 คน ของพนักงานที่มีความสามารถของเราออกไป เราจะดำเนินการอีกหลายขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อให้บริษัทมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการลดค่าใช้จ่ายตามที่บริษัทเห็นควร และจะระงับการจ้างงานเพิ่มต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสที่ 1”
การประกาศนี้ทำให้หุ้นของ Meta ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 7.7% เมื่อช่วงเข้าวันพุธที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
การประกาศเลิกจ้างงานนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากที่ผลประกอบการของ Meta ที่ไม่สู้ดีนักเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ที่กำลังมาถึงนี้ และทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกจนทำให้หุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงถึง 20%
ทั้งนี้ นักลงทุนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของบริษัทในไตรมาสที่ 3 ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22,100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 812,800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ในขณะเดียวกัน บริษัทก็มีรายได้ 27,710 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.02 ล้านล้านบาท ซึ่งลดลง 4% เมี่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 เมื่อปีก่อนรายได้จากการดำเนินงานนั้นอยู่ที่ 5,660 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 20,800 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 46%
ซักเคอร์เบิร์กได้กล่าวเสริมว่า Meta กำลังลดการจ้างงานในทุกองค์กรของบริษัท โดยมีแผนจ้างพนังงานใหม่น้อยลงในปี 2023 และจะระงับการจ้างงานในไตรมาสที่ 1 ของปี 2023 ยกเว้นเสียแต่มีเหตุผลอันสมควรบางประการ
อย่างไรก็ดี พนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างในครั้งนี้จะได้รับเงินชดเชยเป็นค่าจ้างเป็นจำนวน 16 สัปดาห์ บวกเพิ่มไปอีก 2 สัปดาห์ โดยนับจากจำนวนปีที่ทำงานให้บริษัท อีกทั้ง Meta จะรองรับการประกันสุขภาพเป็นระยะเวลา 6 เดือน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส