South China Morning Post ได้รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน ระบุว่า JD.com ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากประเทศจีน กำลังพิจารณาจะลดการลงทุนในตลาดหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียรายได้ และผลักดันการดำเนินธุรกิจในประเทศบ้านเกิดของตนเองเป็นสำคัญ

แหล่งข่าวอ้างว่า JD.com มีความตั้งใจจะถอนการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียและไทย ซึ่งมีการเติบโตด้านรายได้ที่ไม่น่าประทับใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

รายงานดังกล่าวระบุว่า บริษัทกำลังมองหานักลงทุนที่จะมารับช่วงต่อใน JD.ID ซึ่งเป็นร่วมทุนที่ก่อตั้งขึ้นร่วมกับ Provident Capital Partners บริษัทลงทุนนอกตลาดหุ้นของประเทศสิงคโปร์เพื่อทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี 2015 และกำลังหาทางถอนตัวจาก JD Central ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ก่อตั้งขึ้นร่วมกับ Central Group ของประเทศไทย เมื่อปี 2017

สำนักข่าว Xiaguangshe ของประเทศจีน ได้รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่าา JD.com ได้ทุ่มเงินลงทุนเพื่อขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซียและไทย ไปมากกว่า 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 49,800 ล้านบาท) ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

การที่ JD.com พิจารณาจะถอนการลงทุนจากอินโดนีเซียและไทยนั้น เป็นการสะท้อนถึงการชะลอตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซใน 2 ประเทศนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น

เจียงกัน หลี่ (Jianggan Li) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทร่วมทุน Momentum Works จากประเทศสิงคโปร์ และที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี ได้กล่าวว่า ผู้บริโภคทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบันต้องลดการใช้จ่ายลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งตัวได้ส่งผลในแง่ลบต่อสกุลเงินท้องถิ่นทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งทำให้ราคาสินค้านำเข้าและน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี JD.com, Provident Capital และ Central Group ยังมิได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานดังกล่าวนี้แต่อย่างใด

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส