เปิดตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีอะไรใหม่ใน iPhone รุ่นเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้บ้าง มาดูกันครับ
ตัวเครื่องดีไซน์ใหม่ คล้ายๆ เดิม
ดีไซน์ภายนอกของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เหมือนกับภาพหลุดออกมาก่อนหน้านี้ไม่มีผิด รวมๆ ไม่ค่อยแตกต่างกับ iPhone 6s เท่าไหร่ นอกจากย้ายเสาอากาศมาที่ขอบของตัวเครื่อง แต่ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนก็พอร์ต 3.5 มม. (ที่หายไป) และกล้องที่ใหญ่ขึ้น
สีใหม่น่าซื้อมาก
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีสีใหม่ที่เพิ่มมาอีกสองสีนั่นก็คือ Jet Black (ดำเงา) และ Black (สีดำ) โดยการตัดสี Space Grey ออกไปแล้วเรียบร้อย
ปุ่ม Touch ID รับความรู้สึกได้หลายระดับ
ปุ่ม Touch ID ของ iPhone 7 ได้เพิ่ม Taptic Engine รองรับ Quick Actions, Messages, Notifications, and Ringtones พร้อมเปิด Taptic Engine API สำหรับนักพัฒนาด้วย
เอาเครื่องไปลุยน้ำได้แล้ว!!
หนึ่งลูกเล่นสำคัญที่ชาวบ้านมีกันมานานแล้วคือฟีเจอร์กันน้ำ! โดย iPhone 7 มาพร้อมกับมาตรฐาน IP67 อย่างเป็นทางการสักที ด้วยความสามารถในการกันน้ำระดับมาตรฐาน IP67 นั้นทำให้ iPhone 7 สามารถอยู่ในน้ำได้นาน 30 นาที ที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร
กล้อง iPhone 7 (Plus) พัฒนามากขึ้น
จุดเด่นของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus คือการพัฒนาเรื่องกล้องที่ก่อนหน้านี้โดน Samsung แซงไปไกลมาก งานนี้ Apple จึงเพิ่มประสิทธิภาพกล้องให้ดีขึ้นไปอีก
กล้อง iPhone 7
- มีระบบกันสั่นแบบฮาร์ดแวร์หรือ OIS
- รูแรงแสงกว้างขึ้นเป็น f/1.8 รับแสงได้มากขึ้นถึง 50%
- เซ็นเซอร์ใหม่ที่ทำงานได้ไวขึ้น 60% แม่นยำขึ้น 30%
- ชิ้นเลนส์ 6 ชิ้น
- แฟลช 6 ดวง แสงเพิ่มขึ้นอีก 50%
- กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผลภาพที่ออกแบบโดย Apple เอง
iPhone 7 Plus
- สปกโดยรวมเหมือน iPhone 7
- มาพร้อมกล้องหลังสองตัว ตัวหนึ่งเป็น Wide-Angle และตัวหนึ่งเป็น Telephoto
- รองรับ optical zoom สองเท่า
- เพิ่มฟีเจอร์ “portrait” สร้างภาพชัดตื้นชัดลึกได้ง่ายด้วยกล้องสองตัว (ภาพตัวอย่าง)
ลาก่อนพอร์ท 3.5 มม.
ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ iPhone 7 (Plus) ได้ถอดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม และเปลี่ยนไปใช้ร่วมกับพอร์ท Lightning เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอบนี้ Apple ใจดีนะครับ แถมหัวแปลง Lightning to 3.5 มม มาให้ในกล่องเลย แต่รูปร่างไม่ค่อยจะน่าพกเท่าไหร่
นอกจากหูฟังแล้วลำโพงของ iPhone 7 ยังได้รับการอัปเกรดให้เป็น Stereo แล้วเรียบร้อยที่ด้านล่างของตัวเครื่องและที่แนบหู (สำหรับสนทนา) โดยให้เสียงที่ดังกว่า iPhone 6s ถึงสองเท่าเลยทีเดียว
หูฟังไร้สาย AirPods
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญคือหูฟังไร้สาย AirPods ที่ฝังชิป Apple W1 พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับว่าผู้ใช้งานใส่หูฟังเข้าไปในหูแล้วหรือยัง ในการเชื่อมต่อกับ iPhone นั้นจะไม่ได้เชื่อมต่อผ่านระบบ Bluetooth เหมือนอุปกรณ์อื่นๆ แต่เพียงแค่เปิดกล่องมาก็ใช้เชื่อมต่อได้ทันที
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ชั่วโมง สามารถใช้กล่องเป็นตัวชาร์จหูฟังได้เลย
อัปเกรดฮาร์ดแวร์ แรงขึ้น
Apple A10 มี 4 แกนประมวลผล โดยแยกเป็น 2 แกนที่ทำงานตามปกติ และอีก 2 ที่จะทำงานเมื่อตัวเครื่องต้องการทำงานแบบประหยัดแบตเตอรี่ซึ่งตรงนี้ระบบจะเป็นผู้เลือกเองว่าจะใช้โหมดไหน
- การประมวลผลแรงขึ้น 40% จาก Apple A9
- การประมวลผลกราฟฟิกแรงขึ้น 30% จาก Apple A9
หน้าจอ Retina ที่สว่างกว่าเดิมถึง 25% ให้คุณภาพของสีที่แม่นยำยิ่งขึ้น
iPhone 7 คือ iPhone ที่มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานที่สุด (ตั้งแต่ iPhone 5 ขึ้นมา) โดยใช้งานได้นานกว่า iPhone 6s สองชั่วโมง ส่วนรุ่น Plus ใช้งานได้นานขึ้น 1 ชั่วโมง
ราคาและวันวางจำหน่าย
อีกประเด็นสำคัญคือเรื่องของราคาที่จะเริ่มวางจำหน่าย มาพูดกันที่เรื่องของความจุกันก่อนนะครับ iPhone 7 มีการขยับความจุใหม่โดยตัดรุ่น 16GB และ 64GB ออก และเพิ่มความจุ 256GB เข้ามา ลำดับจะเป็น 32GB, 128GB และ 256GB ราคาเริ่มต้น $649 หรือประมาณ 23,000 บาท
เปิดจอง 9 กันยายน และเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 16 กันยายนี้แล้ว ส่วนประเทศไทยรอก่อนนะครับ
ขอบคุณภาพประกอบจาก The Verge