ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสินค้าของ Apple มียอดขายโตขึ้นทุกปีหลังจากการระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะมือถือ iPhone และคอมพิวเตอร์ Mac แต่เมื่อปีที่แล้วทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ยอดขายที่เคยโตก็กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น
ล่าสุด Apple ออกมาเผยว่ารายได้ไตรมาสล่าสุด (2023) ลดลงจากปีที่แล้ว 5% นับเป็นการลดลงครั้งแรกและลดลงมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุของรายได้ที่ลดลง Tim Cook ออกมาบอกว่าเกิดจากปัญหา 3 เรื่องคือสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า การระบาดของ COVID-19 ในจีนที่ทำให้การผลิต iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ติดขัด สุดท้ายคือสภาพเศรษฐกิจที่เกิดการชะลอตัว
สินค้าชูโรงของ Apple อย่างกลุ่ม iPhone ที่ในปี 2022 ขายได้ 71,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2.35 ล้านล้านบาท) แต่ในปี 2022 กลับขายได้เพียง 65,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.17 ล้านล้านบาท) หรือลดลง 8.17%
ส่วนสินค้าในกลุ่มคอมพิวเตอร์ Mac อันนี้หนักหน่อย เพราะเดิมขายได้ 10,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (3.5 แสนล้านบาท) แต่กลับลดลงเหลือ 7,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2.5 แสนล้านบาท) ลดลงถึง 28.6% เลยทีเดียว
สินค้าอีกกลุ่มที่ลดลงเช่นกันคือหมวด Wearable เช่น Apple Watch, HomePod speakers, Apple TV, AirPods และหูฟัง Beats แต่เดิมขายได้ 14,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.8 แสนล้านบาท) แต่ปีนี้ขายได้น้อยลงเหลือ 13,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (4.4 แสนล้านบาท) ลดลงราว 8.3%
ในทางกลับกันสินค้าที่ขายดีขึ้นมีอยู่สองกลุ่มคือ iPad ที่เพิ่มขึ้น 29.6% และ Services ที่สูงขึ้น 6% แต่ในภาพรวมยอดขายของ Apple ก็ยังต่ำกว่าในปีที่แล้วอยู่ดี นอกจากนี้หุ้นก็มีมูลค่าลดลงถึง 10.9% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
ทั้งนี้ Apple ก็กำลังจะมีมาตรการลดต้นทุน และชะลอการจ้างงาน แต่ก็ยังไม่มีข่าวว่าจะเลิกจ้างงานเหมือนกับบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ แต่อย่างใด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส