เปิดตัวฉบับ Global แล้ว สำหรับสมาร์ตโฟนฉายา Flagship Killer กับ OnePlus 11 5G และ OnePlus 11R 5G ที่เป็นรุ่นราคาประหยัด พร้อมเปิดตัว APAC Smartphone Ambassador คนแรก “Jackson Wang”
เริ่มที่ OnePlus 11 5G
ในด้านสเปกของ OnePlus 11 5G เวอร์ชัน Global นั้นจะเหมือนกับสเปกของ OnePlus 11 ที่เปิดตัวในจีนไปก่อนหน้านี้ ที่มาพร้อมกับชิปเซตตัวท็อป Snapdragon 8 Gen 2 กับพร้อมกับหน้าจอ Super Fluid AMOLED LTPO ความละเอียดอยู่ที่ QHD+ (1440×3216) รีเฟรชเรต 120 Hz แบบ Dynamic รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision พร้อมกับลำโพงคู่ ที่รองรับ Dolby Atmos กล้องหลักเซนเซอร์ Sony IMX890 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่ร่วมมือกับแบรนด์กล้องชื่อดังอย่าง Hasselblad และรองรับการชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC Charging สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายใน 25 นาที และมีระบบระบายความร้อนใหม่อย่าง Cryo-velocity VC Cooling ที่จะช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับมาตรฐานใหม่อย่าง Wi-Fi 7 อีกด้วย
สเปกของ OnePlus 11 5G
- หน้าจอโค้ง Super Fluid AMOLED LTPO ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรต 120Hz รองรับ HDR 10+ , Dolby Vision
- ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 2 Octa-core รองรับ 5G
- แรมขนาด 12/16GB
- หน่วยความจำขนาด 256/512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (f/1.8)
- กล้องถ่ายภาพ Ultra-Wide ขนาด 48 ล้านพิกเซล (f/2.2)
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (f/2.0)
- กล้องหน้าขนาด 16 ล้านพิกเซล (f/2.5)
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh มาพร้อมมาตรฐานการชาร์จไว 100W SUPERVOOC Charging (ชาร์จเต็มภายใน 25 นาที)
- ลำโพงคู่บริเวณด้านล่างและด้านบนของตัวเครื่อง รองรับ Dolby Atmos
- น้ำหนัก 205 กรัม วัสดุขอบเครื่องเป็นอลูมิเนียม ฝาหลังเป็นกระจก มาใน 2 สี : สีดำ Titan Black และ สีเขียว Eternal Green
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (Under Display Optical Fingerprint Scanner)
- ซอฟต์แวร์ Oxygen OS 13 (Based on Android 13)
- ราคาเริ่มต้น 23,900 บาท (ราคายังไม่เป็นทางการ)
รุ่นรอง OnePlus 11R 5G
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว OnePlus 11R 5G ที่จะมีการปรับลดสเปกลงมา และนำมาจำหน่ายในราคาที่ถูกลง แต่อย่างไรก็ตาม ในรุ่นนี้ก็ยังถือเป็นเรือธงอีกหนึ่งรุ่น เพราะให้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 มา ถึงจะไม่ใช่ชิปเซ็ตที่ใหม่ที่สุด แต่ก็ยังถือว่าเร็วมาก ๆ ในมือถือแอนดรอยด์ปัจจุบัน
และกล้องหลักก็ยังให้ความละเอียดมาเท่ากับตัวของรุ่นพี่ที่ 50 ล้านพิกเซล แต่ความละเอียดของกล้องเลนส์ Ultrawide จะอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล และจะมีเลนส์ Marco มาให้แทน หน้าจอของรุ่นนี้ก็ให้เป็น Fluid AMOLED รองรับรีเฟรชเรท 120 Hz แบบ Adaptive ที่สามารถปรับได้ตั้งแต่ 40-120 Hz (ถ้าเป็น OnePlus 11 5G จะสามารถปรับได้ 1-120 Hz) รองรับ HDR10+ นอกจากนี้ก็ยังมีระบบระบายความร้อน Cryo-velocity VC Cooling และชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC Charging เหมือนรุ่น OnePlus 11 5G อีกด้วย
สเปกของ OnePlus 11R 5G
- หน้าจอโค้ง Fluid AMOLED ขนาด 6.74 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รีเฟรชเรต 120Hz รองรับ HDR 10+
- ชิปเซต Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core รองรับ 5G
- แรมขนาด 8/16GB
- หน่วยความจำขนาด 128/256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (f/1.8)
- กล้องถ่ายภาพ Ultra-Wide ขนาด 8 ล้านพิกเซล (f/2.2)
- กล้อง Marco ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4)
- กล้องหน้าขนาด 16 ล้านพิกเซล (f/2.4)
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh มาพร้อมมาตรฐานการชาร์จไว 100W SUPERVOOC Charging
- ลำโพงคู่บริเวณด้านล่างและด้านบนของตัวเครื่อง
- น้ำหนัก 204 กรัม วัสดุขอบเครื่องเป็นพลาสติก ฝาหลังเป็นพลาสติก มาใน 2 สี : สีเงิน Galactic Silver และ สีดำ Sonic Black
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (Under Display Optical Fingerprint Scanner)
- ซอฟต์แวร์ Oxygen OS 13 (Based on Android 13)
- ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท (ราคายังไม่เป็นทางการ)
นอกจากนี้ OnePlus ยังจะปล่อยอัปเดตแอนดรอยด์ให้ถึง 4 เวอร์ชัน และอัปเดตแพทช์ความปลอดภัยให้นานถึง 5 ปี ตามที่เราเคยนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ถือว่าน่าสนใจทั้งสองรุ่นเลย เพราะจุดเด่นหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการไปร่วมมือกับ Hasselblad หรือชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC Charging ที่สามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 25 นาที สำหรับใครที่สนใจ ก็ไม่ต้องรอนาน เพราะจะเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ อดใจรอแค่อีกนิดเดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส