จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันที่ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องรัดเข็มขัด และลดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ช่องทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มรายได้แบบทันท่วงทีคือ ขึ้นราคาสมัครสมาชิกรายเดือน ล่าสุดค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ต่างส่งสัญญาณให้ Spotify ควรขึ้นราคารายเดือนได้แล้ว
เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นมาจาก ลูเซียน เกรนจ์ (Lucian Grainge) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Universal Music Group ได้ส่งจดหมายถึงพนักงานบริษัทว่า “รูปแบบธุรกิจเพลงในปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง” สาเหตุคาดว่ามาจากรายงานข้อมูลสตรีมมิงเพลงของบริษัทที่ลดลง และยอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นเพียง 7.1% เมื่อเทียบกับสองปีก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้นมากถึง 20%
ตัดมาที่ค่ายเพลง 2 ค่ายได้แก่ Warner Music Group ค่ายเพลงอันดับสามของโลกก็มียอดขายที่ไม่ดีในครึ่งปีแรก และค่ายเพลง Sony Music กลับมียอดขายโดยรวมที่ดีกว่าคู่แข่งทั้งสอง
ข้อได้เปรียบของ Spotify คือเป็นบริการสตรีมมิงเพลงที่ทำกำไรได้มากที่สุดในทวีปยุโรป และเติบโตมากในตลาดอินเดีย และอินโดนีเซีย แต่รายได้ที่ได้มานั้นกลับสวนทางกัน ซึ่งรายได้จากฝั่งโฆษณาบนแพลตฟอร์ม YouTube และ Spotify ก็ลดลงเช่นเดียวกัน
เกรนจ์ยังออกแสดงความเห็นว่าศิลปินควรเป็นศูนย์กลาง และค่าลิขสิทธิ์เพลงจากค่าสมัครสมาชิกรายเดือนควรจ่ายโดยตรงกับศิลปินที่สมาชิกได้ฟังเพลงของเขา โดยศิลปินยอดนิยมชื่อดังอย่าง เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran), บียอนเซ (Beyoncé), The Weeknd ควรได้รับค่าลิขสิทธิ์เพลงมากกว่าศิลปินที่คนไม่ค่อยรู้จักเป็นวงกว้าง
อีกเหตุผลสำคัญที่ค่ายเพลงต่างเรียกร้องให้ Spotify ขึ้นราคาได้แล้วเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มสตรีมมิง Netflix ได้มีการปรับขึ้นราคาเกือบ 2 เท่าในรอบ 12 ปี และ Spotify ก็ไม่เคยคิดขึ้นราคาเลยในสหรัฐฯ
แต่ Spotify ก็ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นราคาแพ็คเกจรายเดือนในสหรัฐฯ ตาม ๆ สตรีมมิงเพลง Amazon และ Apple Music ที่ปรับราคารายเดือนขึ้นจากวิกฤตทางการเงินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง Spotify ยังคงรอเวลาที่เหมาะสมที่จะประกาศปรับขึ้นราคา หรือว่าการปรับราคาในอนาคตจะมาพร้อมกับ Spotify HIFI ที่ผู้ใช้ต่างรอคอยกันมานานแสนนาน
ที่มา : Bloomberg
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส