เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้ว กับ realme 11 Pro Series 5G สมาร์ตโฟนระดับกลางที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพหลักขนาดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล, ดีไซน์เครื่องที่ได้อดีตดีไซเนอร์สิ่งพิมพ์จาก GUCCI มาออกแบบให้ ในราคาเริ่มต้นที่ 12,999 บาท
realme 11 Pro Series 5G มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ ซูมเหนือระดับ (Zoom To The Next Level) ด้วยระบบการซูมด้วยกล้องถ่ายภาพหลักขนาด 200 ล้านพิกเซลใน realme 11 Pro+ 5G โดยประกอบไปด้วย realme 11 Pro 5G และ realme 11 Pro+ 5G ซึ่งทั้งสองรุ่น มาพร้อมดีไซน์ของตัวเครื่องที่ได้ Matteo Menotto อดีตนักออกแบบลายพิมพ์และสิ่งทอแห่ง GUCCI มาร่วมออกแบบพร้อมกับทีมดีไซน์ realme Design Studio โดยเลือกใช้วัสดุ Premium Lychee Vegan Leather ซึ่งเป็น ‘หนังวีแกนเกรดพรีเมียมลายลิ้นจี่’ ที่ให้สัมผัสแบบด้าน ดูหรูหรา แต่ไม่ติดรอยนิ้วมือ ผสมกับการนำสิ่งทอ 3D Woven Texture ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแฟชั่นมาใช้เป็นครั้งแรกในการผลิตสมาร์ตโฟน
นอกจากนี้ realme 11 Pro Series ยังได้ร่วมมือกับ ‘Lonely Planet’ นิตยสารคู่มือสำหรับนักเดินทางชื่อดัง ในการร่วมออกแบบโทนสีของฟิลเตอร์ในสมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น (Cinematic, Crisp และ Tranquil) โดยสามารถแต่งภาพด้วยลายน้ำจาก Lonely Planet ได้ด้วย นอกจากนี้ กล้องถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นยังใช้สถาปัตยกรรม HyperShot Imaging 2.0 ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายทั้งในเรื่องความคมชัดและสีสัน และมีโหมด Street Photography Mode 4.0 ในการถ่ายภาพสไตล์สตรีทอีกด้วย
realme 11 Pro+ 5G
realme 11 Pro+ 5G คือสมาร์ตโฟนรุ่นพี่ในซีรีส์ โดยมาพร้อมกับจุดเด่นที่กล้องถ่ายภาพหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล OIS SuperZoom ในเซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP3 f/1.69 ที่มีลูกเล่นการถ่ายภาพเพิ่มเข้ามา เช่นการซูมอัตโนมัติ (ที่แค่แตะหน้าจอก็ซูมเข้าไปได้) ช่วยให้จัดองค์ประกอบภาพที่สวยงามได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงโหมด Super NightScape, Super Group Portrait และ 2x Portrait แต่พิเศษสำหรับรุ่น realme 11 Pro+ 5G ที่จะมีฟีเจอร์การถ่ายรูปเพิ่มเติมอย่าง Moon mode, Handheld starry sky mode เพื่อให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ดีขึ้น และถ่ายพระจันทร์ (แม้ไม่มีเลนส์ซูมเรือดำน้ำมาให้) ก็ได้
สเปกภายในของ realme 11 Pro+ 5G
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว รีเฟรชเรต 120Hz แบบโค้ง ความละเอียด 2412 × 1080 (FHD+) ความถี่ในการหรี่แสง 2160Hz PWM
- ชิปเซต MediaTek Dimensity 7050 รองรับ 5G
- หน่วยความจำขนาด 512GB
- RAM : 12GB
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล (f/1.69) Samsung ISOCELL HP3
- กล้องเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.2) 112 องศา
- กล้องเลนส์มาโคร ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4)
- กล้องหน้าขนาด 32 ล้านพิกเซล (f/2.45)
- แบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อมชาร์จไว 100W SUPERVOOC
- ซอฟต์แวร์ Realme UI 4.0 (Based on Android 13)
- การเชื่อมต่อ : รองรับ 5G ,WIFI 6 , Bluetooth 5.2, USB-C 2.0
- น้ำหนัก 189 กรัม
- มีสีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีเบจคาดทอง (Sunrise Beige) และสีเขียวอ่อน (Oasis Green)
- ราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย ราคา 16,999 บาท
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก realme 11 Pro+ 5G
realme 11 Pro 5G
realme 11 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นน้องในซีรีส์นี้ โดยเป็นรุ่นที่มีความคล้ายคลึงกับใน realme 11 Pro+ 5G อย่างมาก โดยมีจุดแตกต่างหลัก ๆ อยู่ที่กล้องถ่ายภาพหลัก ที่เปลี่ยนเป็นขนาด 100 ล้านพิกเซล OIS ProLight แทน, กล้องหน้าที่ให้เป็นขนาด 16 ล้านพิกเซล Sony Selfie Camera, กล้องถ่ายภาพรองที่เปลี่ยนเป็นกล้องวัดระยะขนาด 2 ล้านพิกเซลแทน, แบตเตอรี่ที่ชาร์จไว 67W SUPERVOOC แทน, และแรมขนาด 8 GB แต่นอกจากนั้น ก็มีความเหมือนกับใน realme 11 Pro+ 5G แทบทุกอย่าง ทั้งชิปเซต, หน้าจอ, ขนาดแบตเตอรี่ ไปจนถึงดีไซน์รอบตัวเครื่อง และซอฟต์แวร์กล้องที่ได้ทำร่วมกันกับ Lonely Planet อีกด้วย
สเปกภายในของ realme 11 Pro 5G
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว รีเฟรชเรต 120Hz แบบโค้ง ความละเอียด 2412 × 1080 (FHD+) ความถี่ในการหรี่แสง 2160Hz PWM
- ชิปเซต MediaTek Dimensity 7050 รองรับ 5G
- หน่วยความจำขนาด 256GB
- RAM : 8GB
- กล้องหลัง 2 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 100 ล้านพิกเซล (f/1.75)
- กล้องวัดระยะ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4)
- กล้องหน้าขนาด 16 ล้านพิกเซล (f/2.45)
- แบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อมชาร์จไว 67W SUPERVOOC
- ซอฟต์แวร์ Realme UI 4.0 (Based on Android 13)
- การเชื่อมต่อ : รองรับ 5G ,WIFI 6 , Bluetooth 5.2, USB-C 2.0
- น้ำหนัก 191 กรัม (สี Sunrise Beige), 185 กรัม (สี Astral Black)
- มีสีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีเบจคาดทอง (Sunrise Beige) และสีดำ (Astral Black)
- ราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย ราคา 12,999 บาท
โดยทาง realme ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานได้ออกเดินทาง เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ จึงได้ร่วมจัดแคมเปญพิเศษ Zoom in Thailand ในการนำเอา realme 11 Pro+ 5G ไปถ่ายภาพท่องเที่ยวในประเทศไทย ผ่านกรอบรูปขนาดใหญ่ที่ติดตั้งที่สถานที่ต่าง ๆ โดยแต่ละสถานที่จะให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน อย่างเช่นมุมมองของวิวเมือง ณ ภูเขาทอง จังหวัดกรุงเทพมหานคร, บรรยากาศจากทะเลหมอกอันสบายตา ณ ดอยสกาด จังหวัดน่าน, สัมผัสกับพื้นท้องทะเลสีฟ้าใสอันเงียบสงบที่ เขาหลัก จังหวัดพังงา หรือทิวทัศน์กลางหุบเขาพร้อมทุ่งหญ้าที่จังหวัดเพชรบุรี
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำหรับช่องทางออนไลน์ โดยสามารถร่วมเล่นฟิลเตอร์ผ่านช่องทางอินสตาแกรม เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ในสถานที่เที่ยวต่าง ๆ ได้เพียงใช้ฟิลเตอร์พิเศษ และยังมีฟิลเตอร์การซูม 4 เท่า ให้หลายมุมมองใน 1 ภาพ แบบใน realme 11 Pro+ 5G อีกด้วย
โปรโมชันและการวางจำหน่าย
realme 11 Pro+ 5G วางจำหน่ายในราคา 16,999 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม ผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยสามารถสั่งจองได้ในราคาเพียง 500 บาท โดยวางจำหน่ายจริงวันที่ 7 กรกฎาคมเป็นต้นไป โปรโมชันช่วงพรีออเดอร์ มีดังนี้
- ได้รับของแถมเป็นประกันจอแตก และเครื่องดูดฝุ่นมูลค่า 9,999 บาท และรับส่วนลดเพิ่มเติมตามแต่ละช่องทาง
- ถ้าซื้อตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมเป็นต้นไป รับฟรี realme Gift Box มูลค่า 1,999 บาท
- ถ้าซื้อผ่านช่องทาง Lazada แบบพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม จะได้รับคูปองส่วนลดเพิ่มไปอีก 1,000 บาท (เหลือ 15,999 บาทเท่านั้น)
ส่วน realme 11 Pro 5G วางจำหน่ายในราคา 12,999 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม ผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยสามารถสั่งจองได้ในราคาเพียง 500 บาท โดยวางจำหน่ายจริงวันที่ 7 กรกฎาคมเป็นต้นไป โปรโมชันช่วงพรีออเดอร์ มีดังนี้
- ได้รับของแถมเป็นประกันจอแตก และเครื่องดูดฝุ่นมูลค่า 9,999 บาท และรับส่วนลดเพิ่มเติมตามแต่ละช่องทาง
- ถ้าซื้อตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมเป็นต้นไป รับฟรี realme Gift Box มูลค่า 1,999 บาท
- ถ้าซื้อผ่านช่องทาง Shopee แบบพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม จะได้รับคูปองส่วนลดเพิ่มไปอีก 1,000 บาท (เหลือเพียง 11,999 บาทเท่านั้น)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส