เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยหลังจาก MKBHD และทาง Twitter ของ Nothing ได้เผยภาพอย่างเป็นทางการออกมา สำหรับรุ่นที่ 2 เรียกว่าเป็นการปรับปรุงจากรุ่นแรกให้ดูสมบูรณ์แบบขึ้นกว่าเดิมครับ
Nothing Phone (2) จะมีหน้าตาโดยรวมที่คล้ายกับ Nothing Phone (1) แต่ถ้าดูไฟผ่าน ๆ แล้วก็พอแยกออก โดยตัว Glyph Interface หรือไฟที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีส่วนแสดงผล LED ทั้งหมด 33 โซน ทำให้มีลูกเล่นที่ใช้กับ Glyph Interface ได้มากขึ้นกว่าเดิม เช่น การปรับเสียง หรือนับเวลาถอยหลังก็จะมีลูกเล่นที่ตัว Glyph Interface ด้วย
นอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดเองแบบ Custom หรือเรียกว่า Essential Glyph ซึ่งไฟตรงนี้จะหายไปก็ต่อเมื่อเราปิดการแจ้งเตือนเท่านั้น นอกจากนี้ Nothing ยังเปิดตัว Glyph Interface SDK และ API สำหรับนักพัฒนา ซึ่งเราน่าจะได้เห็นลูกเล่นที่เยอะขึ้นในอนาคตครับ
Nothing Phone (2) ใช้หน้าจอ LTPO OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรต 1-120Hz กล้องหน้าย้ายมาอยู่ตรงกลางหน้าจอ ความละเอียด 32MP รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p ที่ 60fps
กล้องหลังตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX890 รองรับกันสั่นแบบ OIS และ EIS มีโหมด HDR และ Motion Capture และกล้องตัวที่ 2 เป็นเลนส์มุมกว้างพิเศษ ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
สเปกภายในถือว่าอัปเกรดแบบก้าวกระโดดจากชิป Snapdragon ซีรีส์ 7 ใน Nothing Phone (1) ข้ามมาเป็น Snapdragon 8+ Gen 1 แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเป็น 4,700 mAh รองรับชาร์จไว 45W และชาร์จไร้สาย 15W ระบบปฏบัติการ Nothing OS 2.0 บนพื้นฐานของ Android 13 ราคาไทยอย่างเป็นทางการมาแล้ว มีทั้งหมด 2 ความจุ ได้แก่
- 12 + 256GB ราคา 24,900 บาท
- 12 + 512GB ราคา 27,900 บาท
ดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ผ่านหน้าเว็บไซต์ของ Nothing ประเทศไทย คลิก
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส