สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) กำลังจะปล่อยดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ไปยังวงโคจรระดับต่ำของโลกเพิ่มอีก 54 ดวง ในภารกิจ Group 5-15 ที่ขับดันโดยจรวด Falcon 9 ออกจากแท่นปล่อยจรวด SLC-40 ที่สถานีกองทัพอากาศแหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา ในวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม เวลา 12:40 a.m. ET (เวลา 11:40 น. ในประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นเที่ยวบินที่ 45 ของจรวด Falcon 9 และภารกิจที่ 47 ของสเปซเอ็กซ์ในปี 2023
ภารกิจ Group 5-15 จะเป็นการปล่อยดาวเทียม Starlink V1.5 ไปยังเชลล์ที่ 5 ของดาวเทียม Starlink Gen 2 ซึ่งมีวงโคจรอยู่ที่ 530 กิโลเมตร มุมเอียง 43 องศา ได้ปล่อยดาวเทียมในกลุ่มนี้ไปแล้ว 645 ดวง และกำลังปฏิบัติงานอยู่ 642 ดวง ล่าสุดสเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโครที่ 4,432 ดวง และเมื่อภารกิจครั้งนี้สำเร็จจะช่วยให้สเปซเอ็กซ์มีดาวเทียมสตาร์ลิงก์อยู่ในวงโคจรเพิ่มขึ้นเป็น 4,486 ดวง
ดาวเทียม Starlink V1.5 มีความพิเศษที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารระหว่างดาวเทียมด้วยเลเซอร์ ช่วยให้ดาวเทียมสามารถสื่อสารกันในวงโคจรเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรและพื้นที่ห่างไกลอื่น ๆ จึงทำให้ลดจำนวนสถานีภาคพื้นดิน ส่วนดาวเทียม Starlink V2 ขณะนี้กำลังพบปัญหาในการผลิตจึงยังไม่ถูกปล่อยสู่วงโคจร แต่ก็ได้มีการปล่อย V2 Mini ไปแล้ว 108 ดวง ในภารกิจ Group 6-1, 6-2, 6-3, 6-4 และ 6-5
ภารกิจนี้จะใช้บูสเตอร์ B1060 ขึ้นบินเป็นครั้งที่ 16 สำหรับนำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า โดยได้ผ่านการปล่อยดาวเทียม GPS III SV03, ดาวเทียมตุรกี (Türksat 5A), แชร์เที่ยวบินใน Transporter-2, ดาวเทียม Galaxy 33 & 34, แชร์เที่ยวบินใน Transporter-6 และดาวเทียมสตาร์ลิงก์ 10 ครั้ง (ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11)
หลังจากจรวด Falcon 9 ถูกปล่อยขึ้นไปประมาณ 2 นาทีครึ่ง บูสเตอร์ B1060 จะแยกตัวกลับมาลงจอดบนเรือโดรน A Shortfall of Gravitas ที่จอดรออยู่ในสมุทรแอตแลนติกในเวลาประมาณนาทีที่ 9 หลังจากปล่อยจรวด
ที่มา : spacex.com และ nextspaceflight.com
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส