แพน ศรุต ได้มีโอกาสเยือน OPPO สำนักงานใหญ่ในประเทศจีนเมื่อช่วงปลายพฤศจิกายน ในทริป OPPO Tech Insider 2023 จึงได้เก็บ 5 เรื่องที่น่าสนใจจากกระบวนการผลิตและพัฒนาสมาร์ตโฟนและเทคโนโลยีของ OPPO มาเล่าให้ฟังกัน
1. การทดสอบความทนทานขั้นสุด
สมาร์ตโฟนเป็นของที่พกติดตัวผู้ใช้ไปทุกวัน เพราะฉะนั้นสมาร์ตโฟนแต่ละรุ่นต้องมีการทดสอบความทนทานอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน ซึ่งเมื่อเราอยู่ที่ OPPO ประเทศจีนจึงได้ดูการทดสอบมากมาย ตั้งแต่
Drop Test ทดสอบการตกในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่การใช้เครื่องจักรเหวี่ยงสมาร์ตโฟนใส่วัสดุหินอ่อน, การโยนลงพื้น, การใส่ในถังหมุน, การดรอปเบา ๆ ซ้ำจุดเดิม รวมถึงการจำลองเหตุการณ์ในชีวิตจริง อย่างการโยนสมาร์ตโฟนลงโต๊ะกินข้าว ซึ่งจะมีการทดสอบซ้ำในหลาย ๆ มุม เพื่อตรวจสอบความทนทานว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ และที่น่าสนใจเลยคือเขาใช้แขนกลของ Kuka ที่มีความแม่นยำสูง และเป็นแบรนด์ระดับโลกด้านหุ่นยนต์ในการทดสอบ
Flex Test ทดสอบการพับ ที่มีการทดสอบทั้งรุ่น Find N3 และ Find N3 Flip โดยในรุ่น Find N3 จะพับทั้งหมด 1 ล้านครั้ง กินเวลาการทดสอบ 45 วัน ส่วนรุ่น Find N3 Flip จะพับแค่เพียง 20,000 ครั้ง แต่ทาง OPPO ก็แจ้งว่าสามารถทดสอบได้ 1 ล้านครั้งเหมือนกัน และที่น่าสนใจคือ Find N3 Flip จะมีการทดสอบการพับแบบปิดไม่สนิทด้วย
นอกจากนี้ยังมีการทดสอบความทนทานของช่อง USB-C และแจ็ค 3.5 มม. ด้วยการเสียบและเข้าถอดหลายหมื่นครั้ง และยังมีการทดสอบการงอของช่อง USB-C ระหว่างที่เสียบคาเครื่องด้วย รวมถึงปุ่มกดต่าง ๆ ก็มีการทดสอบกดซ้ำ ๆ หลายหมื่นครั้งเช่นกัน
หนึ่งไฮไลต์ที่เห็นแล้วตกใจเลยคือ การทดสอบการบิดของ OPPO Reno ที่ใช้เครื่องจับด้านบนและล่าง จากนั้นก็บิดตรงกลาง เห็นแล้วเสียวจอแตกมาก ๆ และยังมีการจำลองสถานการณ์จริงด้วยการเอาสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลังแล้วนั่งทับ
อีกส่วนที่ได้เห็นคือการทดสอบการป้องกันน้ำ หรือ IP ที่จะมีการฉีดน้ำใส่สมาร์ตโฟนรอบทิศทาง นอกจากนี้ก็มีการทดสอบ ESD (Electrostatic Discharge) ว่ามีกระแสไฟของวงจรไหนรั่วบ้าง เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน รวมถึงการทดสอบประสิทธิภาพของ Wi-Fi และสัญญาณโทรศัพท์ต่าง ๆ
ปิดท้ายการทดสอบสุดอึดด้วยการทดสอบความทนต่อสภาพอากาศ โดยจะใส่สมาร์ตโฟนเข้าไปในตู้ที่ทำความเย็นและความร้อนเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อดูว่ายังใช้งานได้ปกติหรือไม่
2. ส่อง CyberReal 2.0
CyberReal คือการผสมผสานระหว่างโลกจริงที่ถูกสแกนให้เป็นภาพจำลองสามมิติกับวิธีการประมวลผลแบบพิเศษ พูดให้ง่าย ๆ คือการผสมระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนนั่นเอง
OPPO มีการยกตัวอย่างด้วยการตั้งสมาร์ตโฟนไว้ทั่วห้อง โดยเปิดกล้องที่มีวัตถุจากโลกเสมือนอยู่ในนั้น ทาง OPPO เล่าให้ฟังว่าการจะทำแบบนั้นได้ มันมีความยากอยู่ 2 ขั้นตอน
- เราจะสร้างโลกเสมือนยังไง ให้มีประสิทธิภาพ ?
- เราจะระบุตำแหน่งและเคลื่อนไหวยังไงในโลกเสมือน ?
ขั้นตอนแรกคือ เราต้องทำให้การขยับหรือเคลื่อนไหวในโลกจริง เพื่อสะท้อนในโลกเสมือนทันที (Near Zero Latency) ส่วนการระบุตำแหน่งนั้น การจะทำให้ดี จะใช้แค่ระบบ GPS ก็ไม่ได้ เพราะต้องสามารถให้ระบบนี้ใช้ในอาคารได้ด้วย OPPO ต้องการความแม่นยำระดับเซนติเมตร และไร้ความหน่วงในการส่งสัญญาณ นอกจากจะอัปเดตตำแหน่งของเราแล้ว เราต้องสามารถอัปเดตการเคลื่อนไหวของเราได้ด้วย
ปัจจุบันอุปกรณ์ที่สามารถทำได้ คือสมาร์ตโฟนของ OPPO และแว่น MR ในอนาคต ที่ใช้ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth และเซนเซอร์ทั้งหมด ในทำการรวบรวมข้อมูลจากเซนเซอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมาก ๆ ยกตัวอย่าง เช่น สัญญาณ Wi-Fi สามารถคำนวณระยะระหว่างอุปกรณ์กับเราเตอร์ได้
ในปัจจุบันสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับ CyberReal ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ที่แปลกใหม่เท่านั้น แต่เป็นการริเริ่มการที่เราจะเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนได้จริง ๆ ในโลกเสมือนคุณสามารถสร้างห้องที่ตอนนี้พวกเราอยู่กัน โดยใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว
ด้วย OPPO AI Engine เราสามารถสแกนภาพ 12,000 ภาพต่อชั่วโมง ยกตัวอย่างในห้องนี้มีขนาด 140 ตารางเมตร OPPO สามารถจำลองห้องนี้บนคลาวด์ภายใน 5 นาทีเท่านั้น
ใน OPPO บางสาขา มีการใช้งาน CyberReal ในการให้ลูกค้าได้ทดลอง Virtual Shopping และในวันนี้ OPPO ได้จัดแสดงการใช้ CyberReal กับ 3 ตัวอย่าง
- Flagship Phone Showcase
- Virtual Video Experience
- Virtual Olie (OPPO Mascot)
นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดง MR Glasses (Developer Edition) ให้ได้ลองเล่นกันอีกด้วย
3. ลุย Communication Lab
Communication Lab แล็บทดสอบการเชื่อมต่อของสมาร์ตโฟน โดยแบ่งออกเป็น 2 ห้องคือ ห้องจำลองเครือข่ายประเทศจีนและห้องโกลบอล
ห้องจำลองเครือข่ายประเทศจีน มีการโชว์ Black Box ที่เป็นการจำลองเครือข่ายทั้งหมดของจีน ในการทดสอบกับมือถือของ OPPO และมีการทดสอบในห้องปิด (Shelter Room) ในนั้นมีหุ่นที่ทำหน้าที่เหมือนคนจริง ๆ ในการเล่นโซเชียล เล่นเกม และมีโซนที่ห้ามถ่าย ในการทดสอบเน็ตเวิร์กของสมาร์ตโฟน OPPO
ส่วนห้องโกลบอลจะคล้าย ๆ กัน แค่มี Black Box ที่เป็นเครือข่ายของทั้งโลก ในตอนที่เข้าไปมีการทดสอบเครือข่ายของประเทศไทยอยู่ด้วย และเราสามารถดูได้ว่าเน็ตประเทศไหนล่มตอนไหน
4. OPPO กับเทคโนโลยีสุขภาพ
เราได้ไปเยือน Health Lab เพื่อดูการ Calibrate อุปกรณ์ของ OPPO (Smart Watch) กับอุปกรณ์ออกกำลังกายจริง ๆ ซึ่งในซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ ได้เพิ่มกีฬาที่สามารถเลือกได้อีก 2 ชนิด คือแบดมินตันและเทนนิส รวมถึงมีมีฟีเจอร์แจ้งเตือนการกรนใน OPPO Watch และในสมาร์ตโฟน OPPO นอกจากนั้นยังมีโซนที่ใช้กล้อง 6 ตัวกับหมุดรับภาพเพื่อ Map ภาพสามมิติ ในการจำลองการเคลื่อนที่ของคน
OPPO ได้อธิบายว่า Watch 4 Pro ตัวใหม่ล่าสุด มีการใช้อัลกอริทึมการประเมินหัวใจและหลอดเลือดที่พัฒนาโดย OPPO ช่วยให้ผู้ใช้ระบุความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดตีบได้ทันเวลา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการจดจำรูปแบบการวิ่งใหม่ ซึ่งสามารถตรวจจับความสมดุลของเท้าซ้ายและขวาของนักวิ่ง ความถี่ก้าว ความยาวก้าว และตัวชี้วัดอื่น ๆ
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเซนเซอร์ อัลกอริทึม และวิทยาศาสตร์ข้อมูล OPPO กำลังทำงานเพื่อทำให้การจัดการสุขภาพในแต่ละวันเป็นจริงสำหรับทุกคน ข้อมูลและการวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังโซลูชันด้านสุขภาพขั้นสูงเหล่านี้มาจากห้องปฏิบัติการด้านสุขภาพของ OPPO เอง ซึ่งใช้อุปกรณ์กีฬาและการตรวจสอบต่าง ๆ เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพที่หลากหลาย
5. การใช้ AI และหุ่นยนต์ของ OPPO
ในทุกส่วนที่ OPPO ได้โชว์เรา สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการใช้หุ่นยนต์มาช่วยในการทดสอบและทำงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดกระบวนการทดสอบอัตโนมัติที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องมีผู้ดูแล
เริ่มต้นจาก OPPO Intelligent Imaging Lab ที่ใช้แขนหุ่นยนต์ช่วยถ่ายภาพทดสอบกล้องให้ จึงทำให้กระบวนการถ่ายภาพทดสอบทั้งหมดเป็นมาตรฐานเดียวกัน และทำงานได้รวดเร็ว
หรือใน OPPO Communication Lab ก็ใช้แขนหุ่นยนต์เพื่อเลียนแบบการใช้งานสมาร์ตโฟนของผู้คน เช่นการเลื่อนหน้าโซเซียล ท่องเว็บ หรือทำงานอื่น ๆ เพื่อทดสอบการรับส่งข้อมูล
และใน OPPO NFC Lab สมาร์ตโฟนแต่ละเครื่องผ่านการทดสอบนับหมื่นครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าการอ่านและเขียนมีความแม่นยำบนเทอร์มินัล NFC ประเภทต่าง ๆ
ในส่วนของ AI ก็มีการตั้ง OPPO AndesBrain (Binhaiwan Bay) ศูนย์ IDC สำหรับการจัดเก็บข้อมูล AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง เพราะขณะนี้ OPPO มีผู้ใช้งาน ColorOS หลายร้อยล้านรายต่อเดือนทั่วโลก ศูนย์ข้อมูลมีพลังการประมวลผลและแบนด์วิดท์เพื่ออำนวยความสะดวกในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และสนับสนุนวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ OPPO
และนี่คือสิ่งที่เราได้จาก OPPO Tech Insider 2023 ครั้งนี้ครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส