คำเตือน: ไม่ควรทำตามข่าวนี้ ทางเราจะไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น
นักวิจัยชาวจีนนาม “Love Comparsion” ได้ค้นพบวิธีที่ทำให้ Windows 11 ได้รับความเสียหายได้ โดยการปรับวันที่และเวลา แต่ว่าไม่ใช่การปรับนาฬิกาและปฏิทินของคอมพิวเตอร์ตามปกติ แต่เป็นการไปแก้วันที่และเวลาด้วย BCDEdit (ตัวแก้ไขค่ากำหนดการบูต หรือ “Boot Loader”)
โดยปกติ Windows 11 จะไม่ทำงานถ้าปีเปลี่ยนเป็น 10000 อย่างไรก็ตาม การใช้คำสั่ง
bcdedit /set optionsedit 1
ผู้ใช้สามารถเข้าสู่โหมดการกำหนดค่าการบูตและแก้ไขไฟล์การเริ่มต้นเพื่อตั้งค่าปีเป็น 9999 ซึ่งไม่สามารถตั้งปีเป็น 10000 โดยตรงได้
เขาจึงได้ทำการทำการแก้ไขเป็นเวลา 23:59 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 9999
แล้วรอจนปีจะเปลี่ยนเป็น 10000 จะพบว่า Windows 11 จะผิดพลาดในการทำงานรุนแรงและค้างหลายครั้ง การตอบสนองต่อปุ่มและการคลิกเมส์ช้ามาก และการตั้งค่าต่างๆ ของ Windows 11 ที่เคยตั้งไว้ถูกย้อนกลับไปค่าโรงงาน หลังจากนั้นไม่กี่นาที Windows 11 จะหยุดทำงานอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าตัว Windows 11 ยังคงจำกัดการตั้งค่าไว้ที่ 31 ธันวาคม 2099 เวลา 23:59 น. และสามารถใช้คำสั่ง DATE ใน Command Prompt หรือ Terminal ปรับได้มากกว่านี้ถึงแค่ 31 ธันวาคม 8906 เวลา 23:59 น. ก็ตาม
สมมติฐานจากเหตุการณ์นี้ อาจมาจากระบบไม่ได้สร้างมาให้รองรับเลขปีหลักมากกว่าหลักพัน ทำให้มีข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้น
นอกจากนี้การรีบูตคอมพิวเตอร์ก็ไม่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ แม้กระทั่งการย้อนกลับไปแก้วันที่ให้ถูกต้องก็ไม่สามารถทำได้ ต้องทำการติดตั้ง Windows 11 ใหม่เท่านั้น
อย่างไรก็ตามการแก้เวลาวันที่ด้วยวิธีนี้ไม่ได้มีผลกับตัว BIOS หรือนาฬิกาหลักของคอมพิวเตอร์ ทำให้ทราบได้ว่า หากถูกแก้วันที่และเวลาด้วยวิธีนี้ จะไม่ทำให้ Windows กลับไปรับรู้เวลาของ BIOS หลังรีบูตคอมพิวเตอร์ Windows จะพิจารณาวันที่และเวลาที่อยู่ในตัวระบบ Windows เป็นหลัก แต่ตามปกติถ้าการตั้งค่าถูกต้อง เมื่อ Windows บูตเข้าสู่ระบบสำเร็จก็จะมีการ Sync วันที่และเวลาอีกที แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็จะจำวันที่และเวลาครั้งสุดท้ายก่อนปิดคอมพิวเตอร์รอบล่าสุด แล้วเริ่มนับต่อหลังจากบูตเข้าสู่ Windows ครั้งถัดไป
ที่มา: Winaero
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส