ซัมซุงประกาศวิสัยทัศน์ ‘Lead Future of AI Innovation’ ด้วยการเน้นการใช้ AI เพื่อให้ประสบการณ์ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ของซัมซุงดียิ่งขึ้น และเผยแนวทางทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย AI CE เปิดไลน์อัปเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มาพร้อม AI ในแทบทุกอุปกรณ์
นางพรรณวลัย อินทราพิเชฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า 35% ของผู้บริโภคในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะใช้ AI ทั้งใช้กับชีวิตส่วนตัวและใช้เกี่ยวกับการทำงาน 86% ของผู้บริโภคไทยบอกว่า AI ทำให้ประสบการณ์การซื้อของเปลี่ยนแปลงไป และ 99% ของคนทำงานไทยเคยใช้ Generative AI ทำให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคนไทยเปิดรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และมีทัศนคติเชิงบวกกับ AI มากที่สุดในในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย โดย 80% บอกว่า AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ 75% บอกว่า AI ให้ประสบการณ์เฉพาะบุคคลและ 51% มีความสนใจแอปพลิเคชันสมาร์ทโฮมอีกด้วย
ทั้งนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าของซัมซุงไม่ได้เพิ่งมี AI ให้ได้ใช้ แต่อยู่ในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามาแล้วหลายรุ่นด้วยกัน แต่ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้าน AI ให้เหมาะสมกับแต่ละเครื่องใช้ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่แอปพลิเคชันจนถึงชิป AI ในการทำงาน รวมถึงการเชื่อมต่อกันผ่านแพลตฟอร์ม SmartThings โดยการพัฒนา AI ของซัมซุงนั้น พยายามจะเน้นในสิ่งที่มีความสำคัญต่อผู้คนในแต่ละวันมากที่สุดโดยซัมซุงได้ใส่นวัตกรรม AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ ทั้งในกลุ่มจอภาพ (AI Screen), เครื่องปรับอากาศ (AI Cooling), ตู้เย็น (AI Family Hub), เครื่องซักผ้า (AI Wash) และเครื่องดูดฝุ่น (AI-Powered Cleaning) ทั้งสิ้นเลย
โดยในฝั่งของทีวี ซัมซุงยังได้ส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในกลุ่มทีวีสัดส่วนหน้าจอตั้งแต่ 75 นิ้วขึ้นไปและทีวีพรีเมียมอยู่ โดยในทีวีของซัมซุงในโมเดลปี 2024 จะใส่ AI ไว้ในผลิตภัณฑ์จอภาพตั้งแต่ในระดับฮาร์ดแวร์ โดยเน้นทั้งคุณภาพ การเข้าถึง และความปลอดภัย เพื่อเป็นการพาเข้าสู่ยุค AI TV เต็มรูปแบบ อย่างเช่นทีวี Neo QLED 8K สำหรับ AI TV ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น และใช้งานง่ายยิ่งกว่าเดิม เช่นการใส่เทคโนโลยี Upscaling ของภาพในทีวีของรุ่นปี 2024 ที่จะใช้การทำงานของทั้งซอฟต์แวร์และชิป AI โดยเฉพาะที่อยู่ภายในทีวีควบคู่กันไป
นอกจากนั้นในฝั่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ก็คาดหวังจะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้ให้เป็น AI Home มากยิ่งขึ้น ผ่านการเพิ่มฟีเจอร์ภายในเครื่องใช้ไฟฟ้า เปลี่ยนความเข้าใจของคนที่ว่า AI Home เป็นเพียงแค่การสั่งเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แต่จะเพิ่มการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ง่าย และมีการเชื่อมต่อถึงกันได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และบนอุปกรณ์ใดก็ตาม อย่างเช่นตู้เย็นของซัมซุงในรุ่นที่มี AI Family Hub ที่สามารถอธิบายของในตู้เย็น คำนวณเมนูที่สามารถทำได้ ไปจนถึงการแพลนเมนูที่จะทำในแต่ละวันได้อีกด้วย หรืออย่างเครื่องซักผ้าที่จะมี AI ในการแปลวิธีการดูแลผ้าในแต่ละประเภท หรือแนะนำสูตรในการซักสำหรับผ้าชิ้นนั้น ๆ ได้ นอกจากนั้น ซัมซุงยังตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วน AI-Product เป็น 50% เปลี่ยนบ้านคนไทยให้เป็น AI Home ภายใน 3 ปี ให้คนไทยเข้าถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี AI ได้ง่ายขึ้น
ด้านเครื่องปรับอากาศของซัมซุงตอนนี้ก็ได้มีทั้งเทคโนโลยี WindFree, AI Energy Mode และ SmartThings เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ของผู้ใช้แล้ว แต่นอกจากการใส่ AI ในเครื่องปรับอากาศครัวเรือนแล้ว ซัมซุงยังขยายการทำงานของ AI ไปใส่ในเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ Variable Refrigerant Flow (VRF) อีกด้วย โดยนำเอารุ่น DVM S2 มาวางขายในตลาด โดยให้ AI ตรวจจับสภาพอากาศในอาคารเพื่อจะปรับการระบายความร้อนและการทำความเย็นให้ดีที่สุด รักษาความดัน และตรวจจับการรั่วไหลของสารทำความเย็น และส่งการแจ้งเตือนได้ทันที ซัมซุงเคลมว่า AI นี้ จะช่วยให้สามารถประหยัดพลังงานได้สูงสุด 15%
โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด จะเชื่อมต่อเข้ากับ ‘SmartThings’ ให้สามารถเชื่อมต่อถึงกันและกันได้ และควบคุมการใช้พลังงานได้ดีกว่าเดิม และยังได้ใช้ AI เข้ามาช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมาเหมาะสมกับแต่ละคนด้วย
เซยุน คิม ประธานบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2567 ซัมซุงต้องการจะยกระดับการใช้ชีวิตของคนไทยด้วยเทคโนโลยี AI โดยกว่า 70% ของผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจะผสานการทำงานของ AI โดยจะยังมีนวัตกรรม AI Energy Mode ที่ประหยัดทั้งพลังงานและค่าใช้จ่าย ให้ผู้บริโภคบริหารจัดการไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยรักษาโลก ช่วยตัดค่าไฟได้สูงสุด 70% สำหรับเครื่องซัก-อบผ้า, 25% สำหรับทีวี, 20% สำหรับเครื่องปรับอากาศและ 7% สำหรับตู้เย็นอีกด้วย