แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะพยายามกดดันไม่ให้จีนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิป แต่สื่อของเกาหลีใต้รายงานว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนก้าวตามทันโลกอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีในประเทศจีนด้วย
การคาดการณ์เบื้องต้นคือ การแบนของสหรัฐฯ จะทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนชะลอตัวลง แต่ปัจจุบันเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนไม่ได้แย่ลงขนาดนั้น นอกจากจะพัฒนาชิ้นส่วนหน้าจอแสดงผลแล้ว อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศก็กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วด้วย
ในส่วนของตลาดสมาร์ตโฟนพับหน้าจอได้นั้น จากเดิมที่ Samsung มีส่วนแบ่งค่อนข้างมาก ก็ลดลงมาเหลือ 5.9% ในไตรมาสแรกของปี 2024 จาก 11% ของปีที่แล้ว ถือว่าลดลงเป็นอย่างมาก และทำให้ Samsung กลายเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนพับหน้าจอได้อันดับ 5 ในจีนเรียบร้อย
การฟื้นตัวของ Huawei ถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการมาของ Huawei Mate60 ซีรีส์ และ Huawei Pura70 ซีรีส์ ทั้งคู่ใช้ชิป Kirin และส่วนใหญ่ผลิตและประกอบขึ้นในประเทศจีน แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวและการพัฒนาภายใต้การกดดันจากสหรัฐอเมริกา
มาตรการการส่งออกล่าสุดของสหรัฐฯ คือจำกัดการเข้าถึงหน่วยประมวลผลด้าน AI ขั้นสูง รวมถึงอุปกรณ์ในการผลิต แต่จีนเองก็ใช้มาตรการให้สนับสนุนการพัฒนาและผลิตสินค้าภายในประเทศเพื่อโต้ตอบสหรัฐอเมริกาแทน นอกจากนี้ จีนยังสามารถพัฒนาหน้าจอ OLED ในระดับโลกเทียบเท่ากับบริษัทเกาหลีได้
กลยุทธ์ของสหรัฐฯ ในการกีดกันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนดูเหมือนว่าจะได้ผลตรงกันข้ามแบบไม่คาดคิด กลายเป็นการเร่งให้จีนต้องพยายามพัฒนาทุก ๆ อย่างด้วยตัวเอง แทนที่จะพึ่งเทคโนโลยีนอกประเทศ