อย่างที่รู้กันดีว่า Huawei เป็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ระดับโลกของประเทศจีนที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สู่มือผู้บริโภค แต่เบื้องหลังแล้ว Huawei มีมากกว่าสมาร์ตโฟน เพราะยังมีการวิจัยเทคโนโลยีด้าน Data Center, 5G และ Cybersecurity อีกมากมาย และทางแบไต๋ก็ได้มีโอกาสบินไปเยือนประเทศจีนเข้าร่วมงาน Huawei Connect 2023 และบุกสำนักงานใหญ่ Huawei Ox Horn Campus เซินเจิ้น-ตงกวน ที่ใครอยากจะเข้าไปเยี่ยมชมจะต้องได้รับเชิญเท่านั้น

Huawei Connect 2023

เป็นที่รู้กันดีว่าหลังจากเมื่อปลายปี 2022 ที่ผ่านมาก็ทำให้โลกนั้นได้ก้าวข้ามไปอีก 1 ยุคแบบไม่ทันตั้งตัว ก็คือยุคของ AI และงาน Huawei Connect 2023 ก็มาภายใต้ธีม “Accelerate Intelligence” ที่มีการเน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนา AI ที่มีความใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ และพูดถึงเทรนด์เทคโนโลยีอนาคต

โดยทาง Huawei ได้พูดภายในงานว่า การพัฒนา AI ในตอนนี้ต้องคำนึงถึงการสร้างระบบนิเวศใหม่ ๆ ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้การพัฒนา AI สามารถทำได้ราบรื่นคือ ฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะมารองรับการประมวลผลขนาดใหญ่ และระบบคลาวด์สำหรับการรองรับแอปพลิเคชัน AI ตัวใหม่ ๆ

Huawei Shanghai Flagship Store

อีกหนึ่งไฮไลต์ของเมืองเซี่ยงไฮ้คือ Huawei Shanghai Flagship Store เป็นร้านค้า Huawei ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความพิเศษของร้านค้านี้คือ เป็นร้านค้าที่มีพื้นที่มากกว่า 5,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่หัวมุมถนนย่านการค้าของเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยภายในร้านค้าทุกคนอาจจะคิดว่า Huawei จะมีขายแต่สมาร์ตโฟน แท็บแล็ต หรือไม่ บอกเลยว่าเหนือกว่านั้น

ซึ่งภายในร้านจะมีการตกแต่งในโทนสีขาวมินิมอล โชว์สินค้าของ Huawei มากมายตั้งแต่สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ๆ แท็บแล็ต สมาร์ตวอตช์ อุปกรณ์สมาร์ตโฮม คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เสริมมือถือต่าง ๆ และนอกจากนี้ Huawei ยังมีการโชว์รถยนต์พลังงานไฟฟ้ายี่ห้อ ‘AITO’

ความโดดเด่นของ AITO คือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Harmony OS ซึ่งซอฟต์แวร์ตัวนี้เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Huawei Ecosystem ได้แบบไร้รอยต่อ ซึ่งจากการทดลองเล่นซอฟต์แวร์นี้เรียกได้ว่าซอฟต์แวร์มีความใกล้เคียงคู่แข่งอย่าง Tesla จากสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว มีความลื่นไหลมาก ๆ และ UX/UI ตอบสนองนิ้วมือได้อย่างดี

Huawei Ox Horn Campus เซินเจิ้น-ตงกวน

สำหรับคนที่ติดตาตามภาพของสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ล้วนมีแต่ความเรียบง่าย และเป็นแคมปัสให้พนักงานมาทำงานในทุก ๆ วัน แต่สำหรับ Huawei แล้วเรียกได้ว่าตั้งแต่ผ่านเข้ามามันไม่ใช่แค่สำนักงานใหญ่ธรรมดา แต่มันคือเมือง Huawei เลยทีเดียว และที่นี่ก็คือ Huawei Ox Horn Campus เซินเจิ้น-ตงกวน

โดย Huawei Ox Horn Campus มีพื้นที่รวม ๆ สำหรับการใช้งานมากกว่า 1.45 ล้านตารางเมตรประมาณ 900 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น 12 โซนใหญ่ ๆ สำหรับการดีไซน์สถาปัตยกรรมของ Huawei Ox Horn Campus ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองต่าง ๆ ทั่วยุโรป เรียกได้ว่าเหมือนหลุดไปอยู่อีกหนึ่งทวีป ไม่เหมือนอยู่ในประเทศจีนเลย และเหมือนหลุดไปอยู่ในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์

สำหรับ Huawei Ox Horn Campus ได้รับแรงบันดาลใจจาก 12 เมืองก็คือ เมือง Windermere ประเทศอังกฤษ, เมือง Oxford ประเทศอังกฤษ, เมือง Cesky Krumlov ประเทศสาธารณรัฐเช็ก, เมือง Verona ประเทศอิตาลี, เมือง Freiburg ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, เมือง Heidelberg ประเทศเยอรมนี, เมือง Paris ประเทศฝรั่งเศส, แคว้น Burgundy ประเทศฝรั่งเศส, เมือง Bologna ประเทศอิตาลี, เมือง Bruges ประเทศเบลเยียม, ประเทศลักเซมเบิร์ก และประเทศเกรนาดา

ความพิเศษของ Huawei Ox Horn Campus ก็คือ มีรถไฟสไตล์ยุโรปวิ่งรอบตัวแคมปัสที่ทำให้บุคลากรของ Huawei สามารถเดินทางไปในแต่ละโซนได้อย่างทั่วถึง และรู้หรือไม่ยังมีอีก 1 กิมมิกที่ทีมงานนั้นไม่มีโอกาสเจอก็คือ ‘หงส์ดำ‘ ที่ถูกเลี้ยงดูอยู่รอบ ๆ ตัวแคมปัส ซึ่งหงส์ดำเหล่านี้มีราคาต่อตัวที่สูงมาก ๆ

อีกหนึ่งจุดที่ทางทีมงาน beartai ได้เข้าไปเยี่ยมชมก็คือ นิทรรศการด้าน Network ของ Huawei ซึ่งทุกคนรู้หรือไม่ว่า อินเทอร์เน็ตที่คุณกำลังใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น อาจกำลังปล่อยมาจากอุปกรณ์เสาสัญญาณ 5G ของ Huawei ก็เป็นไปได้ ซึ่งภายในนิทรรศการได้มีการโชว์เทคโนโลยีต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงข่ายไร้สายมากมาย เช่น

เสา 5G รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีวิจัย และออกแบบให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง สามารถติดตั้งในสถานที่แออัดได้ แต่ยังสามารถส่งสัญญาณได้เต็มที่เหมือนเดิม, โรงงานที่ใช้ประโยชน์จากการใช้ 5G Private Network ภายในพื้นที่ทำให้การควบคุมเครื่องจักรมีความแม่นยำโดยหนึ่งในโรงงานไทยที่ใช้เครือข่ายนี้คือ SCG Thailand, การตั้งโครงข่ายเมืองอัจฉริยะ ซึ่งประเทศไทยก็มีเมืองพัทยาที่ได้นำร่องระบบนี้ใช้แล้วในปัจจุบัน และโครงข่ายอินเทอร์เน็ตใยแก้วรูปแบบใหม่ที่ติดตั้งได้ง่ายกว่าเดิม และมีความแนบเนียนมากยิ่งขึ้นกว่า FTTX ที่ใช้อยู่ทั่วไป

Huawei Cybersecurity and Privacy Protection Transparency Center

อีกหนึ่งโซนสุดท้ายที่ทางทีมงาน beartai ได้เข้าไปเยี่ยมเยียนก็คือ ‘Huawei Cybersecurity and Privacy Protection Transparency Center’ เป็นศูนย์วิจัยและเฝ้าระวังภัยไซเบอร์ โดยภายในศูนย์ได้มีบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับภัย Cybersecurity ต่าง ๆ ที่ทางวิศวกรของ Huawei ได้ทำการเฝ้าอยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และใช้เทคโนโลยีมาช่วยเหลือก็คือ AI มาช่วยอีก 1 แรง

ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปเยี่ยมชมศูนย์ Huawei Cybersecurity ทางทีมงานก็ได้เล่าถึงคำมั่นสัญญาของภารกิจด้าน Cybersecurity เอาไว้ว่า “ทาง Huawei ให้คำมั่นสัญญาตามกลยุทธ์ของบริษัทที่จะทำตามกฎและระเบียบประเทศทั่วโลก พร้อมจัดการภัยด้าน Cybersecurity ผ่านความร่วมมือรัฐบาล ลูกค้า และพันธมิตรอย่างเต็มที่”

ทางด้านทีมของ Huawei Cybersecurity ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าการป้องกันของ Huawei ด้านข้อมูล จำเป็นจะต้องได้รับใบ Certificate จากทั่วทุกมุมโลกที่ทำตามนโยบายของรัฐบาลต่าง ๆ ซึ่งทำให้คนทั่วไปสามารถอุ่นใจได้หากใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ของ Huawei

สำหรับเทรนด์การโจมตี Cybersecurity ทาง Huawei ได้แบ่งการโจมตีใหญ่ ๆ ทั้งหมด 7 ประเภทใหญ่ที่ทั่วโลกกำลังพบเจอตลอดเวลาก็คือ Ransomware, DDos Attacks, Malicious Apps, Phishing, Vulnerability Exploitations, Cloud Security Vulnerabilities และ IoT Attacks

อีกหนึ่งเกร็ดน่ารู้ที่ได้จากทีมงาน Huawei ก็คือ พนักงานของ Huawei จำเป็นต้องทำข้อสอบด้าน Cybersecurity ให้ผ่าน โดยจะมีการสอบอยู่เป็นรอบ ๆ ตลอดการทำงาน เรียกได้ว่าพนักงานของ Huawei ต้องมีความรู้ด้านป้องกันภัย Cybersecurity เป็นอย่างมาก

แต่เป็นที่น่าเสียดายมาก ๆ สำหรับใครที่ถามว่า นี่มันคือเมืองที่ใครก็สามารถเดินทางเข้ามาดูได้ไหม คำตอบก็คือ ‘ไม่ได้’ การที่จะได้เข้ามาที่ Huawei Ox Horn Campus จำเป็นต้องได้รับการเรียนเชิญจาก Huawei, พนักงาน และญาติพี่น้องของพนักงานถึงจะเข้ามาได้ !