Realme ได้เปิดตัว C63 ที่ประเทศอินโดนีเซีย (ก่อนที่จะเปิดตัวที่ประเทศมาเลเซียในวันที่ 5 มิถุนายน 2024 นี้) โดยได้รับการติดตั้งชิปเซต Unisoc T612 ความเร็วสูงสุด 1.8 GHz, ทำงานบนซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ Android 14, มีแรมสูงสุด 8 GB และสตอเรจสูงสุด 256 GB
Realme C63 มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.74 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรต 90 Hz และส่วนเว้ารูปตัวอักษรยู (U) สำหรับติดตั้งกล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
หน้าจอดังกล่าวมีความสว่างสูงสุด 560 Nit และมาพร้อม AI ช่วยตรวจจับความสว่าง เพื่อให้สามารถปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมกับทุกช่วงเวลาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว, ฟีเจอร์ Mini Capsule 2.0 สำหรับแสดงค่าต่าง ๆ คล้ายกับ Dynamic Island บน iPhone, ฟังก์ชัน Rainwater Smart Touch เพื่อให้สัมผัสหน้าจอในขณะที่มือเปียกได้ และฟังก์ชัน Air Gestures ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวาดมือบนหน้าจอเพื่อควบคุมการทำงานต่าง ๆ เช่น รับสายโทรเข้า หรือปิดเสียงเรียกเข้า เป็นต้น


ด้านหลังมาพร้อมโมดูลกล้องหลังรูปทรงสี่เหลี่ยม ประกอบด้วยกล้อง 2 ตัว ซึ่งกล้องหลักมีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมด้วย AI ทรงพลัง ช่วยให้ถ่ายภาพได้ดียิ่งขึ้น และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่รองรับการชาร์จไฟ 45 W
นอกจากนี้ยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP54 (ป้องกันน้ำสาดรอบด้าน), NFC, พอร์ต USB-C และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
Realme C63 มีด้วยกัน 2 เวอร์ชัน คือ Leather Blue ที่ฝาหลังผลิตด้วยวัสดุหนังเทียม และ Jade Green โดยจะได้รับการวางจำหน่ายที่ประเทศอินโดนีเซียในวันที่ 5 มิถุนายน 2024 โดยมีราคาดังนี้
- 6 GB/ 128 GB : 1,999,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 4,500 บาท
- 8 GB/ 128 GB : 2,299,000 รูเปียห์ หรือประมาณ 5,200 บาท

