OPPO ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายใหญ่ของโลก ไม่ยอมตกขบวน AI เมื่อประกาศว่าจะเพิ่มความสามารถระดับ Generative AI ให้สมาร์ตโฟนราว 50 ล้านเครื่องในปี 2024 ซึ่งนอกจากรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกมาแล้ว สมาร์ตโฟนของ OPPO รุ่นเก่าบางรุ่นยังได้อัปเดตไปด้วย ซึ่งพร้อมเป็น AI แบบ Hybrid คือพยายามประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ในเครื่องให้ได้มากที่สุด จึงมีแค่บางส่วนที่ต้องส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตไปประมวลผลที่คลาวด์
ใครที่เคยใช้สมาร์ตโฟนของ OPPO มาตลอดน่าจะพอรู้ว่าจริง ๆ แล้ว OPPO มี AI ในมือถือมาสักพักแล้ว เช่น HyperTone Image Engine ที่ทำให้ภาพดีขึ้น, Trinity Engine ใช้ AI จูนเครื่องให้เร็วตลอด หรือ LinkBoost ที่ทำให้สัญญาณแรงขึ้น ทำให้ OPPO มีสิทธิบัตรด้าน AI กว่า 5 พันตัวแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นปัญญาประดิษฐ์ด้านการประมวลผลภาพ นอกจากนี้ OPPO ยังมีการสร้าง Large Language Models (LLMs) ของตัวเองที่ชื่อว่า OBERT รวมถึงมีการตั้งศูนย์ OPPO AI Center เพื่อพัฒนาด้านนี้ด้วย
ซึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ชอบมากคือ AI Eraser ที่ลบวัตถุในภาพได้แนบเนียน เพราะ OPPO มีการเทรนให้ระบบรู้จักสิ่งต่าง ๆ มากกว่า 120 หมวด จึงทำให้ตรวจจับและลบวัตถุได้ดี
การพัฒนาล่าสุด
เมื่อกระแสของ Generative AI เข้ามา OPPO จึงได้จับมือกับหลายบริษัทอย่าง IDC, Google, MediaTek หรือ Microsoft เพื่อให้สมาร์ตโฟนของ OPPO ได้ใช้เอไอมากขึ้น
การร่วมมือกับผู้ผลิตชิปอย่าง MediaTek ก็ทำให้สามารถดึงพลังของหน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์หรือ NPU ที่อยู่ในชิปของสมาร์ตโฟนออกมาได้มากขึ้น จึงทำให้สามารถประมวลผล Generative AI ส่วนหนึ่งได้ในเครื่อง ทำให้ระบบตอบสนองได้รวดเร็ว มีการบีบอัดข้อมูลการคิดของเอไอ ทำให้รันได้แม้ไม่มีเน็ต แต่ข้อมูลในส่วนที่ไม่สามารถประมวลผลในเครื่องได้ก็สามารถส่งขึ้นคลาวด์เพื่อทำงานแบบ Hybrid ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้
OPPO ตั้งเป้าว่าในปี 2024 นี้สมาร์ตโฟนของ OPPO 50 ล้านเครื่องจะต้องได้ใช้เอไอ ตั้งแต่สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่คือ OPPO Reno12 และ OPPO Find X เรือธงรุ่นถัดไป ที่จะมี Google Gemini ติดมากับเครื่องเลย ทำให้ใช้ฟีเจอร์ AI Toolbox อย่าง AI Writer หรือ AI Recording Summary ได้ นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับ Microsoft เพื่อใช้พลังจาก AI ในการสร้างเสียงพูด หรือเข้าใจข้อความต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
ส่วนสมาร์ตโฟนรุ่นที่ออกมาในท้องตลาดแล้วจะได้รับการอัปเดตความสามารถ AI ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ของเครื่อง ซึ่งรายชื่อรุ่นที่รองรับจะประกาศอีกครั้ง เพราะต้องดูความสามารถของชิปประมวลผลว่ารองรับการประมวลผล AI ภายในตัวแค่ไหน
เมื่อ BT ถามเกี่ยวกับความสามารถ AI เหล่านี้ว่าจะถูกเก็บเงินในอนาคตหรือไม่ คุณ Nicole Zhang ผู้จัดการทั่วไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI ของ OPPO ก็ตอบว่า อยากให้ผู้ใช้ได้ใช้กันเยอะ ๆ ตอนนี้เลยกระจายความสามารถ AI ให้ได้ใช้กันหลายรุ่นและใช้ได้ฟรี ถ้าอนาคตจะคิดเงินบางฟีเจอร์ จะทำให้มั่นใจว่าผู้ใช้ได้จะได้สิ่งที่คุ้มค่ากลับไป ซึ่งการพัฒนาให้ AI สามารถประมวลผลในเครื่องได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายด้าน AI ลดลงไป ทำให้หลายฟีเจอร์สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และการตอบสนองเรื่อง AI ทำได้เร็วด้วย