งาน WWDC 2024 ที่ผ่านมาเป็นอีกงานที่หลายฝ่ายต่างจับตามองเนื่องจาก Apple เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงรายเดียวที่ล้าหลังเรื่อง AI แต่หลังจากการเปิดตัว Apple Intelligence กลายเป็นบริษัทอื่น ๆ อาจต้องพิจารณา AI ของตัวเองใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะ Google และ Microsoft

สำหรับ Microsoft นั้นมีหุ้นส่วนกับทาง OpenAI กว่า 10,000 ล้านเหรียญ บริษัทพัฒนา Copilot ที่นำ ChatGPT เข้ามาร่วมประมวลผลในผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น ตัว Windows รวมถึงแอปพลิเคชันอย่าง Office ส่วน Google ก็เปิดตัว Gemini ที่ผสานเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง รวมถึงเปิดให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟน Android สามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ด้วยรูปแบบคลาวด์ และสุดท้ายคือ AI ของ Apple ที่ใช้ชื่อว่า Apple Intelligence

แนวคิด

ชื่อ Apple Intelligence ไม่ได้ตั้งมาแค่ล้อคำว่า AI เท่านั้น หรือเป็นแค่การตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นคำที่สื่อความหมายได้กว้าง บริษัทมีความตั้งใจให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างชาญฉลาด โดยซีอีโอ ทิม คุก (Tim Cook) ได้พูดถึงแนวคิดในการพัฒนา Apple Intelligence ภายในงาน WWDC ไว้ด้วย

ระหว่างที่เรากำลังพัฒนาและสร้างความสามารถใหม่ ๆ ที่น่าทึ่งเหล่านี้ เราจะต้องมั่นใจว่าสิ่งที่ได้ออกมานั้นจะต้องสะท้อนถึงหลักการที่เป็นแกนหลักของผลิตภัณฑ์ มันจะต้องทรงพลังมากพอที่จะช่วยเหลือ (ผู้ใช้งาน) ในเรื่องที่สำคัญได้ มันจะต้องง่ายต่อการใช้งาน มันจะต้องผสานรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง ที่สำคัญ มันจะต้องเข้าใจผู้ใช้งาน เช่น กิจวัตรประจำวัน ความสัมพันธ์ การสื่อสาร และอื่น ๆ แน่นอนว่ามันจะต้องถูกสร้างขึ้นภายใต้กรอบของความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ต้นจนจบ

ทิม คุก (Tim Cook)

ความเป็นส่วนตัวคือสิ่งสำคัญ

Apple เป็นบริษัทเดียวในอุตสาหกรรม AI ที่เคลียร์ชัดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เครก เฟเดริกิ (Craig Federighi) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ กล่าวว่า Apple Intelligence เกิดขึ้นมาได้จากการพัฒนาโดยผสานรวมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Apple รวมถึงการลงทุนที่ยาวนานหลายปีของ Apple ในการสร้างซิลิคอนขั้นสูงสำหรับการประมวลผล AI บนอุปกรณ์ (On Device Processing)

ด้วยความที่ Apple สามารถควบคุมระบบนิเวศได้อย่างสมบูรณ์แบบ แตกต่างจาก Android และ Windows ที่ไม่ได้ผสานกันอย่างลงตัวมากนัก ด้วยซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่ผสานกันอย่างลงตัวทำให้ระบบของ Apple สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ดีกว่า และยังสามารถประมวลผลเฉพาะคำสั่งที่ผู้ใช้งานร้องขอ โดยใช้ข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นได้ด้วย

เมื่อคุณส่งคำสั่งให้ Apple Intelligence ระบบจะวิเคราะห์ว่าสามารถประมวลผลคำสั่งบนอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวได้หรือไม่ หากไม่เพียงพอ มันสามารถประมวลผลเพิ่มเติมบนคลาวด์ที่มีความเป็นส่วนตัว และส่งเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งที่ได้รับเท่านั้น เพื่อประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ซิลิคอนของ Apple ข้อมูลของคุณจะไม่ถูกจัดเก็บหรือเข้าถึงได้โดย Apple แต่จะถูกประมวลผลเพื่อคำสั่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น

เครก เฟเดริกิ (Craig Federighi)

ถือว่าเป็นประเด็นที่ต้องย้ำบ่อยมากว่า AI หรือ Apple Intelligence จะไม่มีการส่งข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับชุดคำสั่งที่เกิดขึ้นไปหากไม่จำเป็น อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวก็ไม่มีการจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด

AI สำหรับบุคคลทั่วไปอาจมองว่าเป็นกิมมิกที่ยังดูใช้งานจริงไม่ได้ขนาดนั้น แต่ Apple Intelligence จะมาสร้างความแตกต่างจาก AI ของบริษัทอื่น ๆ ให้มีประโยชน์กับอุปกรณ์ของ Apple มากขึ้น โดย Apple มีข้อได้เปรียบเหนือบริษัทอื่น ๆ คือสามารถควบคุมระบบนิเวศของตัวเองได้ชนิดที่บริษัทอื่นไม่สามารถทำได้เลย

ระบบนิเวศที่ได้เปรียบที่สุด

AI ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ที่สุดคือแชตบอตอย่าง ChatGPT ของ OpenAI ซึ่งเราน่าจะได้เห็น Siri มีความสามารถเช่นนั้นมากขึ้น แต่ไม่ใช่แค่นั้น Siri จะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ Apple ได้เหนือกว่าบริษัทอื่น

ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตจริง เราได้รับอีเมลมา 1 ฉบับจากเพื่อนร่วมงาน ถามว่าเราว่างที่จะประชุมในวันอังคารหน้าหรือไม่ ซึ่ง Siri ทราบว่ามีอีเมลนั้นเข้ามาถึงระบบ พร้อมกับตรวจสอบปฏิทินแล้วพบว่าตารางเวลาค่อนข้างแน่น และแจ้งเตือนเราว่าวันอังคารหน้าตารางเต็มแล้ว พร้อมเสนอช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเราให้ นั่นหมายความว่า Siri ที่ผสานรวมกับ Apple Intelligence ฉลาดมากพอที่จะเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่ง AI ลักษณะนี้ยังไม่มีบริษัทไหนทำมาก่อน แน่นอนว่า AI ในบริบทข้างต้นมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากกว่าเป็นแค่แชตบอตเสียอีก

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น Siri จะสามารถเข้าใจบริบทหลาย ๆ รูปแบบ และสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ในหลายแอปพลิเคชันได้มากขึ้น

เครก เฟเดริกิ (Craig Federighi)

สิ่งเหล่านี้คือข้อได้เปรียบของ Apple ที่สามารถทำทุกอย่างได้และยังคงรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ได้ตามคอนเซปต์ของบริษัท ด้วยความฉลาดของ Apple Intelligence ทำให้ Siri สามารถดำเนินการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในนามของเจ้าของเครื่องโดยใช้บริบทและข้อมูลส่วนบุคคลของเราโดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานแต่อย่างใด