OpenAI บริษัท AI เจ้าของ ChatGPT ได้เปิดตัว ‘SearchGPT’ ซึ่งเป็น Search Engine ที่ใช้ AI ในการค้นหา มาพร้อมการเข้าถึงเนื้อหาจากในอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ได้ด้วย

อย่างที่เรารู้กันว่า ChatGPT นั้นใช้ AI ในการสรุปเนื้อหาที่มีอยู่แล้วภายในตัว เพื่อตอบกลับจากสิ่งที่เราป้อน Prompt เข้าไป โดย SearchGPT ก็ได้นำเอาความสามารถนั้นมาเชื่อมต่อกับความเป็น Search Engine โดยการทำให้ Search Engine นั้นใช้ AI ในการค้นหาแทน

ซึ่งในหน้า SearchGPT นั้นจะเริ่มด้วยหน้าจอขาว กับกล่องสี่เหลี่ยมถามว่า “What are you looking for?” (คุณกำลังมองหาอะไรอยู่) ซึ่งเวลาค้นหาไป แทนที่จะได้ลิงก์ของหน้าเพจที่เราค้นหาตอบกลับมาเรื่อย ๆ SearchGPT จะทำมากกว่านั้น โดยการพยายามที่จะเรียบเรียง และทำความเข้าใจสิ่งที่เราค้นหาไป โดย OpenAI ให้ตัวอย่างว่า ถ้าเราค้นหาเรื่องเกี่ยวกับเทศกาลดนตรีไป SearchGPT จะสรุปเกี่ยวกับเทศกาลนั้นจากการค้นหาให้เรา และตามด้วยคำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับเทศกลายนั้น พร้อมติดลิงก์ที่เกี่ยวข้องให้เราเข้าไปอ่านหรือจองต่อได้ด้วย

อีกตัวอย่างก็คือ ถ้าเราค้นหาสิ่งที่เราต้องการไป เช่น วิธีการปลูกมะเขือเทศ SearchGPT จะแนะนำวิธีการปลูกมะเขือเทศในแต่ละสายพันธุ์มาให้เราอ่านเลย รวมไปถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะเพาะปลูกมะเขือเทศด้วย แถมหลังจากผลลัพธ์ออกมาแล้ว เรายังสามารถถามคำถามต่อเนื่องจากผลการค้นหาต่อไปได้

หรือจะกดเข้าไปที่ลิงก์ในแถบด้านข้าง เพื่อเข้าไปที่ลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราค้นหาก็ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ ‘visual answers’ ที่จะให้คำตอบการค้นหาออกมาเป็นภาพ ในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ SearchGPT ยังคงอยู่ในช่วงการเป็นต้นแบบ (Prototype) โดยทำงานอยู่บนโมเดลภาษาต่าง ๆ ที่อยู่ใน GPT-4 และจะเปิดให้คนทดลองใช้งานที่ 10,000 คนตอนเปิดตัว โดยทาง OpenAI ได้รายงานกับ The Verge อีกว่า ตอนนี้ทาง OpenAI ได้ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์บุคคลที่สาม และใช้ฟีดเนื้อหาโดยตรง เพื่อที่จะสร้างผลการค้นหาใน SearchGPT โดยมีเป้าหมายที่จะฝังฟีเจอร์การค้นหานี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ ChatGPT ไปเลย

ซึ่งการเข้ามาของ SearchGPT นั้น อาจกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Google ที่ได้พยายามเร่งใส่ฟีเจอร์ AI ลงในเครื่องมือค้นหาของตัวเอง เนื่องจากกลัวว่าผู้ใช้จะหันไปหาผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งที่มีเครื่องมือเหล่านี้ก่อน นอกจากนี้ ยังทำให้ OpenAI มีการแข่งขันกับสตาร์ตอัปชื่อ ‘Perplexity’ มากขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะ Perplexity เรียกตัวเองเป็น ‘เครื่องตอบคำถาม’ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI แถม Perplexity เพิ่งจะโดนโจมตี และโดนฟ้องเรื่องฟีเจอร์สรุปข้อมูลด้วย AI ที่สำนักข่าว Forbes อ้างว่ามีการคัดลอกข่าวที่ Forbes เขียนมาโดยตรงเลยอีกด้วย

OpenAI เองก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงกรณีดังกล่าว และบอกกับ The Verge ว่ากำลังใช้แนวทางที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจน ในบล็อกโพสต์หนึ่งของ OpenAI บริษัทได้เน้นว่าการพัฒนา SearchGPT นั้นได้พัฒนาผ่านการร่วมมือกับองค์กรสื่อต่าง ๆ มากมาย เช่น เจ้าของ The Wall Street Journal, The Associated Press, และ Vox Media (บริษัทแม่ของ The Verge) เป็นต้น ซึ่ง OpenAI บอกด้วยว่าแต่ละสำนักข่าวสามารถเอาตัวเองออกจากการนำข้อมูลไปให้ AI เทรนได้ หรือเลือกวิธีการที่จะนำเอาข้อมูลตัวเองไปใส่ใน SearchGPT ก็ได้เช่นกัน

นอกจากนั้น การที่ SearchGPT ยังเป็นแค่ต้นแบบอยู่นั้นก็มีข้อดีหลายอย่าง ถ้าเกิดว่า SearchGPT นั้นให้คำตอบกลับมาที่ผิดพลาดร้ายแรง หรือเกิดเอาคำมาจากสำนักข่าวโดยตรงแบบที่ Perplexity กำลังโดนฟ้อง ก็จะสามารถบอกได้ว่า SearchGPT นั้นยังเป็นแค่ต้นแบบเท่านั้นเอง

การเข้ามาของ SearchGPT นั้นถูกใบ้หรือมีข่าวลือกันมาสักพักแล้ว แม้กระทั่ง BT beartai เราเองก็เคยนำเสนอแล้วเช่นเดียวกัน หรืออย่างที่ใน X ก็มีคนโพสต์ว่า OpenAI ได้เปิดซับโดเมนย่อย search.chatgpt.com มาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้

แม้ว่าการเข้ามาของ ChatGPT และ SearchGPT อาจจะทำให้คนจำนวนมากชื่นชอบและเปลี่ยนมาใช้งานกัน แต่ค่าใช้จ่ายของ OpenAI ก็มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน โดยจากการรายงานของ The Information กล่าวว่าตอนนี้ค่าใช้จ่ายของ OpenAI ในการเทรน AI เพื่อใช้งานนั้นพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 7,000 ล้านเหรียญในปีนี้ และคนที่ใช้งาน ChatGPT แบบฟรี ๆ นั้นก็ได้แต่เพิ่มค่าประมวลผลของ OpenAI ให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก และแม้ว่า SearchGPT จะเปิดให้ใช้งานฟรีในช่วงแรกที่เปิดตัวมา และในตอนนี้จะยังไม่มีโฆษณาอยู่ในนั้น แต่เห็นได้ชัดเลยว่า OpenAI จะต้องหาทางในการสร้างรายได้จาก SearchGPT แน่ ๆ เร็ว ๆ นี้