อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า iPhone กำลังได้รับความนิยมในประเทศอินเดียมากขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 33% แต่สำหรับประเทศจีนนั้นกลับดูเลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุด iPhone หลุดจากท็อป 5 ของประเทศจีนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่ยอดขายหายไปมีแค่เรื่องกั๊กสเปกแค่นั้นจริงหรือ?

สื่อต่างประเทศได้เผยแพร่บทความวิเคราะห์ว่าเหตุใดยอดขายของ iPhone ในประเทศจีนถึงน้อยลง อย่างแรกคือบริษัทและหน่วยงานรัฐบาลบางแห่งได้จำกัดการใช้อุปกรณ์ Apple ของพนักงาน/เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นมาตรการเหมือนกับที่สหรัฐอเมริกาพยายามอ้างมาโดยตลอดคือเรื่องความปลอดภัยต่อเนื่องมาจากสงครามการค้าระหว่างประเทศ

มีรายงานมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่าบริษัทและหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนทั้งหมด 8 จังหวัด ขอให้พนักงานไม่นำอุปกรณ์จากบริษัทต่างประเทศ เช่น iPhone จากสหรัฐอเมริกาเข้ามาใช้งาน

แม้ว่าเบื้องต้นจะมีเพียง 8 จังหวัด แต่มีรายงานว่ารัฐบาลได้ขยายข้อห้ามดังกล่าวให้ครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐและบริษัทของรัฐหลายแห่ง อันที่จริงคำสั่งดังกล่าวมีมาได้สักพักแล้ว แต่มีผลบังคับใช้อย่างเข้มงวดเมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งยังมีการผลักดันที่เพิ่มมากขึ้นในกรุงปักกิ่งให้ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา

ความเป็นชาตินิยมก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขาย iPhone ลดลง ตั้งแต่ Huawei เปิดตัว Huawei Mate 60 พร้อมชิป Kirin ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นชิปที่ผลิตในจีนก็ทำให้ผู้ใช้งานชาวจีนหันมาสนใจสมาร์ตโฟน Huawei มากขึ้น ในแง่ของเทคโนโลยีมีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจกับสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทชาวจีน และหลังการเปิดตัว Huawei Pura70 ซึ่งใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศหลายอย่างก็ทำให้ยอดขายดีขึ้นกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก

ปัจจุบันท็อป 5 ของประเทศจีนถูกครองด้วยแบรนด์จีนทั้งหมด อันดับ 1 ตกเป็นของ vivo ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 19% ตามด้วย OPPO, Honor, Huawei และ Xiaomi จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Apple จะหันไปหาประเทศอินเดียมากขึ้นกว่าเดิมเพราะการแข่งขันในจีนเองก็ดุเดือด ประกอบกับความเป็นชาตินิยมก็ทำให้ยิ่งสู้ยากขึ้นด้วย