มาตามนัดสำหรับ Realme 13 Pro และ 13 Pro+ ที่ได้รับการเปิดตัวที่ประเทศอินเดียวันนี้ (30 กรกฎาคม 2024) ซึ่งโดดเด่นด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาประมวลผลภาพอย่างเต็มศักยภาพ เรียกว่าระบบ Hyperimage+ ซึ่งผสานสถาปัตยกรรมอัลกอริธึม AI เข้ากับเลนส์กล้องระดับพรีเมียม โดยมาพร้อมฟีเจอร์ AI หลายตัว เช่น Smart Removal, Group Photo Enhancement และ Audio Zoom เป็นต้น

Realme 13 Pro+ ยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งเซนเซอร์ภาพใหม่อย่าง Sony LYT-701 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล บนกล้องหน้า เสริมด้วยเซนเซอร์ใหม่อย่าง Sony LYT-600 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล บนกล้อง Telephoto ช่วยให้ซูมภาพโดยไม่เสียความละเอียดได้ 3x และกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

สำหรับ Realme 13 Pro นั้น ได้การติดตั้งเซนเซอร์ Sony LYT-600 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล บนกล้องหลัก เสริมด้วยกล้อง Ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ตัวเดียวกับที่ติดตั้งบน Realme 13 Pro+

ในส่วนฝาหลังของทั้ง 2 รุ่นนั้น ได้การผลิตด้วยวัสดุ Frosted Glass (กระจกฝ้า เกิดจากการพ่นทรายหรือการกัดด้วยกรดบนกระจกแผ่นใส) ไล่เฉดสีอย่างสวยงาม ซึ่งได้แรงบันดาลใจภาพสีน้ำของ โกลด มอแน (Claude Monet) จิตรกรชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Monet Gold, Monet Purple และ Emerald Green

Realme 13 Pro+

สเปกอื่น ๆ ที่น่าสนใจของสมาร์ตโฟน Realme 13 Pro และ 13 Pro+ มีดังนี้

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+, รีเฟรชเรต 120 Hz, ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i
  • ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 ความเร็วสูงสุด 2.4 GHz
  • สตอเรจสูงสุด 512 GB
  • มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP65 (ป้องกันน้ำฉีดแรงดันสูงรอบทิศทาง)
  • แบตเตอรี่ 5,200 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จไฟเร็ว SuperVOOC ระดับ 45 W (13 Pro) และ 80 W (13 Pro+)

Realme 13 Pro มีราคาดังนี้

  • 8/128 GB : 26,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 11,600 บาท
  • 8/256 GB : 28,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 12,500 บาท
  • 12/512 GB : 31,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 13,700 บาท

Realme 13 Pro+ มีราคาดังนี้

  • 8/256 GB : 32,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 14,200 บาท
  • 12/256 GB : 34,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 15,000 บาท
  • 12/512 GB : 36,999 รูปีอินเดีย หรือประมาณ 15,900 บาท

Realme 13 Pro และ 13 Pro+ จะวางจำหน่ายในวันที่ 6 สิงหาคม 2024 นี้ และจะวางจำหน่ายในตลาดระดับโลกในเร็ว ๆ นี้