วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม Alphabet (Google) ได้ยื่นเอกสารต่อ กลต. สหรัฐฯ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในการถือครองหุ้น ซึ่งข้อมูลเผยให้เห็นว่าบริษัทได้ลดการถือหุ้น CrowdStrike class A ลงเหลือ 427,895 หุ้น จากเดิม 855,789 หุ้น ที่มีผลตั้งแต่ 30 มิถุนายน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์คอมพิวเตอร์และเครื่องเซิร์ฟเวอร์ระบบปฏิบัติการ Windows ขัดข้องทั่วโลกราว 8,500,000 เครื่อง เนื่องจากความผิดพลาดจากตัวอัปเดตของ CrowdStrike เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
สิ้นเดือนมิถุนายน หุ้น CrowdStrike ราคาปิดอยู่ที่ 383.19 เหรียญ (13,526 บาท) มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 327 ล้านเหรียญ (11,547 ล้านบาท) และล่าสุดวันนี้หุ้น CrowdStrike ราคาปิดอยู่ที่ 216.31 เหรียญ (7,635 บาท) ซึ่งหาก Alphabet ยังคงถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมดก็จะมีมูลค่าเหลือประมาณ 185 ล้านเหรียญ (6,527 ล้านบาท) แต่โชคดีที่ขายหุ้นไปก่อนประมาณครึ่งหนึ่ง จึงทำให้บริษัทขาดทุนน้อยลง
เหตุขัดข้องดังกล่าวได้ส่งผลให้สายการบิน ธนาคาร โรงพยาบาล และบริการฉุกเฉินต้องหยุดชะงัก แล้วก็ได้ส่งแรงสะท้อนกลับมาทำให้ CrowdStrike ต้องถูกเรียกชี้แจงและถูกเรียกค่าชดเชย ที่สำคัญจนถึงวันนี้หุ้นของบริษัทได้ร่วงลงมาถึง 35% ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น CrowdStrike ที่ต้องเผชิญกับการขาดทุน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา กลุ่มผู้ถือหุ้นได้ยื่นฟ้องร้อง CrowdStrike ว่าหลอกลวงโดยปกปิดข้อเท็จจริงว่า การอัปเดตซอฟต์แวร์ที่บกพร่องอาจทำให้เกิดเหตุคอมพิวเตอร์ขัดข้องทั่วโลก
วันจันทร์ที่ผ่านมา เดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ได้ว่าจ้างทนายความคนดังเรียกร้องค่าชดเชยจากบริษัท Microsoft และ CrowdStrike เนื่องจากเหตุขัดข้องดังกล่าวได้ทำให้สายการบินสูญเสียรายได้และต้องจ่ายเงินชดเชย อีกทั้งค่าโรงแรมให้กับลูกค้าที่ตกเครื่องรวม 500 ล้านเหรียญ (17,775 ล้านบาท)