วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม ฝ่ายบริหารของไบเดนได้เปิดตัวโครงการ “เวลาคือเงิน” (Time Is Money) ซึ่งเสนอกฎระเบียบใหม่เพื่อปราบปรามการกระทำที่ไม่เป็นธรรมจากบริษัทต่าง ๆ และช่วยให้ชาวอเมริกันประหยัดเวลาและเงิน โดยจะกำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ต้องทำให้การยกเลิกการสมัครหรือบริการทำได้ง่ายพอ ๆ กับการสมัคร เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ มักหลอกล่อผู้บริโภคจ่ายเงินค่าสมัครสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นค่าสมาชิกฟิตเนส หนังสือพิมพ์ หรือเครื่องสำอาง แต่เมื่อลูกค้าอยากยกเลิก กลับมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ต้องเสียเวลาหรือจ่ายเงินซ้ำ ๆ
รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามปราบปรามกลอุบายของบริษัท ตั้งแต่เอกสารจำนวนมาก เวลาที่ต้องรอคอยนาน และค่าธรรมเนียมขยะ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่ รวมทั้งบังคับให้รอสายเพื่อรับเงินคืน ความยุ่งยากในการยกเลิกการสมัครสมาชิก ความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นในการติดต่อกับบริษัทประกันสุขภาพ ซึ่งต้องไปทำธุรกรรมด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ และแบบฟอร์มที่ยาวเหยียด ทำให้ชาวอเมริกันเสียเวลาและเงินโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ จึงเสนอว่าควรให้ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้งทางออนไลน์
คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (FTC) ได้เสนอกฎให้บริษัทต่าง ๆ ต้องทำให้การยกเลิกการสมัครรับข้อมูลหรือบริการทำได้ง่ายพอ ๆ กับการสมัคร และคณะกรรมาธิการการสื่อสารแห่งสหพันธรัฐ (FCC) กำลังเริ่มตรวจสอบว่าจะขยายข้อกำหนดที่คล้ายกันไปยังบริษัทด้านการสื่อสารด้วยหรือไม่
กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ (DOT) ได้อนุมัติ “กฎการคืนเงิน” โดยกำหนดให้สายการบินต้องคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่ลูกค้า เมื่อเที่ยวบินถูกยกเลิกหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม และลูกค้าไม่ได้รับข้อเสนอหรือเลือกที่จะไม่รับทางเลือกอื่น เช่น การจองใหม่ ซึ่งสายการบินจะต้องคืนเงินทันที เต็มจำนวน และต้องไม่ผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมีกฎใหม่อื่น ๆ ที่จะออกมาบังคับใช้ในระยะเวลาที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า กฎเหล่านี้ออกมาในช่วงที่ชาวอเมริกันต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถมีผลต่อการเรียกคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้กับทีมไบเดน – แฮร์ริส เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งมักจัดอันดับเรื่องเศรษฐกิจหรือปากท้องเป็นปัญหาที่สำคัญสำหรับพวกเขา
การบริหารของไบเดน – แฮร์ริส ได้กระทบกระทั่งกับบริษัทใหญ่ ๆ อยู่หลายครั้ง โดยกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ใช้กลยุทธ์ shrinkflation หรือการลดปริมาณสินค้าแต่ขายในราคาเท่าเดิม และการคงราคาสินค้าสูงเท่าเดิมแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงมาแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการบังคับกฎหมายต่อต้านการผูกขาดที่เข้มงวด ซึ่งได้ฟ้องร้องบริษัทชั้นนำ เช่น Google, Apple และ LiveNation