เอริก ชมิดต์ (Eric Schmidt) อดีตซีอีโอของ Google ได้สร้างความฮือฮาและเป็นที่วิจารณ์อย่างมาก เมื่อเขาอ้างว่านโยบายการทำงานทางไกลของบริษัททำให้ Google สูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กับคู่แข่งอย่าง OpenAI และ Anthropic โดยในระหว่างการบรรยายที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford) ชมิดต์ถูกถามถึงสถานการณ์ในอุตสาหกรรม AI ที่ผู้นำในตลาดกลายเป็นบริษัทสตาร์ตอัปอย่าง OpenAI และ Anthropic มากกว่า Google ซึ่งเขาได้ชี้ให้เห็นว่าสาเหตุหนึ่งมาจากนโยบายการทำงานแบบทำงานทางไกล (WFH) และการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance)

Google ได้ตัดสินใจแล้วว่า ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน การกลับบ้านเร็ว และการทำงานจากที่บ้าน สำคัญกว่าการชนะการแข่งขัน ชมิดต์กล่าว พร้อมทั้งเน้นว่าที่สตาร์ตอัปเหล่านี้ประสบความสำเร็จเพราะพวกเขาทุ่มเททำงานอย่างหนัก

ผมขอโทษที่พูดตรง ๆ แต่ความจริงก็คือ หากคุณทุกคนออกจากมหาวิทยาลัยแล้วไปก่อตั้งบริษัท คุณจะไม่อนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้าน และเข้ามาทำงานเพียงวันเดียวต่อสัปดาห์ หากคุณต้องการแข่งขันกับสตาร์ตอัปอื่น ๆ

หลังจากวีดีโอการพูดคุยของชมิดต์ที่โพสต์บน YouTube โดย Stanford Online ได้เผยแพร่ออกไปทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ชมิดต์ส่งอีเมลถึง The Wall Street Journal เพื่อขอโทษและยอมรับผิดกับสิ่งที่เขาได้พูดออกไปก่อนหน้านี้ว่า “ฉันพูดผิดเกี่ยวกับ Google และเวลาทำงานของพวกเขา ฉันเสียใจกับข้อผิดพลาด”

ในขณะเดียวกัน บริษัทสตาร์ตอัปด้าน AI ชั้นนำอย่าง Anthropic, OpenAI และ Perplexity มีนโยบายการทำงานแบบไฮบริด โดย Anthropic ต้องการให้พนักงานเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ 25% ของเวลา ส่วนพนักงานของ OpenAI และ Perplexity ต้องเข้าทำงานที่ออฟฟิศ 3 วัน/สัปดาห์ ในขณะที่ Google เองให้พนักงานมาทำงานที่ออฟฟิศอย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ และนอกจากนี้ก็ยังมีตำแหน่งที่ต้องทำงานระยะไกล (WFH) ในบริษัทเช่นเดียวกัน

ชมิดต์เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Google ระหว่างปี 2001-2011 และลาออกจากตำแหน่งประธานบริหารในช่วงต้นปี 2020 ปัจจุบัน เขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นของ Alphabet และดำรงตำแหน่งประธานองค์กร Special Competitive Studies Project ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นด้าน AI และเทคโนโลยีอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา