วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม สำนักข่าว The Information รายงานว่า เมตา (Meta) ได้แจ้งพนักงานในแผนก Reality Labs ให้หยุดการทำงานในการผลิตอุปกรณ์ Headset แบบ MR ระดับสูงในสัปดาห์นี้ ที่เดิมทีมีเป้าหมายจะออกมาแข่งกับ Vision Pro ของแอปเปิล (Apple) ซึ่งแหล่งข่าวเรื่องนี้มาจากพนักงานของเมตา 2 คนบอกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้มีการประชุมพิจารณาทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว
ปี 2023 แอปเปิลได้เปิดตัวอุปกรณ์ Headset แบบ MR (Mixed Reality) ซึ่งได้รับความสนใจจากสายแกดเจ็ตเป็นอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่ยอดขายไม่ได้ดีมากนัก นั่นก็เพราะว่ามีราคาที่แพงมากถึง 3,500 เหรียญ (118,650 บาท)
ในรายงานระบุว่าอุปกรณ์ Headset แบบ MR ระดับสูงที่เมตาได้ยกเลิกการผลิตนั้น มีชื่อรหัสที่ใช้เรียกกันภายในว่า “La Jolla” ซึ่งมีกำหนดจะออกวางจำหน่ายในปี 2027 และคุณสมบัติคร่าว ๆ จะใช้หน้าจอแสดงผลแบบ Micro OLED ที่มีความละเอียดสูงพิเศษในแบบเดียวกับของ Vision Pro (ความละเอียดรวม 23 ล้านพิกเซล)
La Jolla อุปกรณ์ Headset แบบ MR ระดับสูงของเมตา อยู่ในช่วงการพัฒนาโดยแผนก Reality Labs ซึ่งเป็นทีมที่พัฒนาและทำการตลาด Meta Quest แว่น VR ที่ทำให้เมตาต้องเผชิญการขาดทุนหลายพันล้านเหรียญ (ระดับหลักแสนล้านบาท) แต่ซีอีโอ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้นำในตลาด Metaverse หรือ AR/VR ถึงขนาดรีแบรนด์เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook ไปเป็น Meta มองว่า AR และ VR ยังเป็นอนาคตที่สวยงามที่กำลังรออยู่
หลังจากที่เห็นแอปเปิลปล่อย Vision Pro ออกมา ซักเคอร์เบิร์กบอกว่า Vision Pro เหมาะกับการใช้บนโซฟา ซึ่งเป็นการใช้งานแบบเอกเทศ และย้ำว่าอุปกรณ์ของเมตาจะเน้นเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกัน
ปัจจุบัน อุปกรณ์แว่น VR ของเมตาที่วางจำหน่ายอยู่ก็มีแค่ Quest 2 ที่ขายปลีกอยู่ในราคา 200 เหรียญ (6,780 บาท) และ Quest 3 ในราคา 500 เหรียญ (16,950 บาท) ส่วน Quest Pro ได้หยุดการผลิตไปแล้วเมื่อปี 2023 เนื่องจากมียอดขายที่ตกต่ำและถูกวิจารณ์ว่ายังไม่ดีพอ แถมมีราคาสูงถึง 999 เหรียญ (33,866 บาท)