Apple เปิดตัว AirPods ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กันยายนปี 2016 แม้ว่าในช่วงแรกจะกลายเป็นสินค้าเจ้าปัญหาเพราะทำให้ iPhone ไม่มีช่องเสียบหูฟัง แต่สินค้าประเภทนี้ได้สร้างเม็ดเงินอีกมหาศาลเลยทีเดียว
อันที่จริงมีข่าวเรื่อง Apple จะทำหูฟังไร้สายลักษณะแบบ AirPods มาตั้งแต่ปี 2011 โดยบริษัทได้จดสิทธิบัตรเอาไว้ในวันที่ 29 มีนาคมปี 2011 แต่ถูกนำมาเผยแพร่ในวันที่ 3 ตุลาคมปี 2012 หากนับช่วงเวลาที่จดสิทธิบัตรแล้วนั้น ก็ยังเป็นช่วงที่สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ
สินค้าที่สร้างปัญหา แต่ก็แก้ปัญหาในเวลาเดียวกัน
ปัจจุบัน AirPods กลายเป็นสินค้าที่พบเห็นได้ทั่วไปเสียแล้ว ภายหลังจาก Apple เปิดตัว AirPods เราก็เห็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรวมถึงเครื่องเสียงแบรนด์อื่น ๆ ต่างผลิตหูฟังลักษณะเช่นนี้ออกมาไม่น้อยเลยเหมือนกัน ซึ่งเด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่าสมาร์ตโฟนเคยมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาก่อน แต่ก็ต้องหายไปเพราะหูฟังไร้สายลักษณะนี้
Apple เปิดตัว AirPods พร้อมกับ iPhone 7 ที่มีการตัดช่องเสียบหูฟังออกไป โดยบริษัทมีทางเลือกให้ 3 อย่างคือการใช้หางหนูหรือตัวแปลง 3.5 มม. เป็นพอร์ต Lightning สำหรับฟังเพลงผ่านสาย, ใช้ EarPods ที่หัวเป็นสาย Lightning หรือซื้อ AirPods เพื่อรับประสบการณ์การฟังเพลงแบบไร้สายแทน โดยฟิล ชิลเลอร์ (Phil Schiller) อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Apple ระบุว่าการถอดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ออกไปช่วยประหยัดเนื้อที่ในเครื่องสำหรับใส่อย่างอื่นได้มากขึ้นกว่าเดิม
Apple เป็นบริษัทแรกที่ริเริ่มสร้างปัญหา หรืออาจจะมองว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งานก็ว่า ด้วยการตัดช่องเสียบหูฟังออก การจะต้องพกหางหนูสำหรับแปลงก็ดูยุ่งยาก การซื้อหูฟังแบบไร้สายเลยก็ไม่ใช่เรื่องแย่ จริง ๆ ก็สะดวกสบายในการใช้งานเสียด้วยซ้ำ แต่ภาระก็มาตกที่ผู้ใช้งาน ต้องมาคอยชาร์จแบตฯ แถมเสื่อมไวอยู่เหมือนกัน
ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม
แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ย่อมเสื่อมประสิทธิภาพไปตามกาลเวลา ไม่เว้นแม้แต่ AirPods จนช่วงแรกผู้คนตั้งคำถามว่า ตัวเองจะยอมใช้สินค้าที่แบตเตอรี่เสื่อมได้ไวหรือไม่ (ประมาณ 2 ปี) หลังจากนั้นจะทำอย่างไร ซ่อมหรือซื้อใหม่ล่ะ
เนื่องจากแบตเตอรี่ภายในตัวหูฟังนั้นมีขนาดเล็ก Apple จำต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหูฟัง ไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวแบตเตอรี่เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดระหว่างการเปลี่ยน โดยตัวหูฟัง (AirPods 2) จะอยู่ที่ข้างละ 1,690 บาท กรณีไม่มี Apple Care ส่วนตัวเคสจะอยู่ที่ 1,690 บาท (รุ่นไม่มีชาร์จไร้สาย) ซึ่งหากเปลี่ยนทั้งหมดจะอยู่ที่ 5,070 บาท ซึ่งราคานี้นั้น ซื้อใหม่เลยจะคุ้มกว่า