วันนี้ (10 กันยายน 2567) แอปเปิล (Apple) ได้จัดงานอีเวนต์ It’s Glowtime เปิดตัวอุปกรณ์หลาย ๆ อย่าง ทั้งไลน์อัป AirPods, Apple Watch และโดยเฉพาะ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro ที่หลาย ๆ คนต่างรอคอยกัน
iPhone 16 และ iPhone 16 Pro จะมีการเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ เลยก็คือตัวควบคุมกล้องที่เพิ่มเข้ามา ทำให้สามารถใช้งานและเข้าถึงระบบต่าง ๆ ได้ไวกว่าเดิม โดยเฉพาะการใช้งานร่วมกับ Apple Intelligence ที่ผู้ใช้สามารถกดที่ตัวควบคุมกล้องเพื่อเข้าถึงกล้องพร้อมถ่ายภาพเพื่อค้นหาข้อมูลจาก Google หรือสอบถามปัญหาจาก ChatGPT ได้เลยทันที
iPhone 16
iPhone 16 เปิดตัวมาใน 2 โมเดล 2 ขนาดหน้าจอคือ iPhone 16 ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone 16 Plus ขนาด 6.7 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิปตัวใหม่ A18 ที่อัปเกรดมาจาก A16 Bionic ใน iPhone 15 สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรรุ่นใหม่ เพื่อให้รองรับการมาของ Apple Intelligence โดยเฉพาะ ด้วย Neural Engine ถึง 16 คอร์ และรันโมเดล ML ได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า มี CPU ถึง 6 คอร์ ที่มีประสิทธิภาพที่เร็วกว่าเดิมถึง 30% และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 30% และ GPU ถึง 5 คอร์ ที่รวดเร็วกว่าเดิม 40% และประหยัดพลังงานถึง 35% และมีการ Ray Tracing ด้วยฮาร์ดแวร์ที่ทำให้การแสดงผลดีกว่าเดิม และมีการรองรับเกมระดับ AAA ให้สามารถเล่นได้ใน iPhone 16 ด้วย
ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมที่มีการเคลือบสีที่สดใสขึ้น ใช้ Ceramic Shield รุ่นใหม่ ซึ่งมีสูตรพิเศษที่ทำให้แข็งแรงขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 2 เท่า หน้าจอที่ใช้เป็นจอ OLED Super Retina XDR พร้อม Dynamic Island เหมือนเดิม
ในส่วนของกล้องจะมีการเปลี่ยนดีไซน์การวางเป็นแนวตั้งย้อนกลับเป็นแบบเดิมที่เคยใช้ใน iPhone หลายรุ่นก่อน มีกล้อง Fusion 48 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่จะมีการรวมภาพที่ให้ความละเอียดที่ 24 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus วางจำหน่ายใน 5 สี สีดำ สีขาว สีชมพู สีเขียวอมฟ้า และสีน้ำเงินอัลตร้ามารีน ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 3 ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB
- iPhone 16
- 128GB – 29,900 บาท
- 256GB – 33,900 บาท
- 512GB – 41,900 บาท
- iPhone 16 Plus
- 128GB – 34,900 บาท
- 256GB – 38,900 บาท
- 512GB – 46,900 บาท
iPhone 16 Pro
iPhone 16 Pro ก็เปิดตัวมาใน 2 โมเดล 2 ขนาดหน้าจอเช่นกัน แต่มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คือ iPhone 16 Pro ขนาด 6.3 นิ้ว และ iPhone 16 Pro Max ขนาด 6.9 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิป A18 Pro ที่สร้างด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรรุ่นใหม่ มีทรานซิสเตอร์ที่เล็กลง มี Neural Engine 16 คอร์ สำหรับการประมวลผล CPU 6 คอร์ และ GPU 6 คอร์ ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานกว่ารุ่นก่อนหน้า และยังมีการรองรับเทคโนโลยี Always On และ ProMotion รวมถึงรองรับความเร็ว USB 3 ในการรับส่งไฟล์ และการบันทึกวิดีโอด้วยตัวเข้ารหัสวิดีโอแบบใหม่
ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็น Titanium Grade 5 พร้อม Ceramic Shield รุ่นล่าสุด ที่เป็นสูตรพิเศษที่ทำให้แข็งแรงขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 2 เท่า
ในส่วนของกล้อง ใช้เป็นกล้อง Fusion 48 ล้านพิกเซล ที่เป็นเซนเซอร์แบบ Quad-pixel ที่อัปเกรดให้สามารถรองรับการถ่ายวิดีโอ Dolby Vision ความคมชัด 4K ที่ 120 fps ได้ และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซลที่ทำให้การถ่ายภาพ Macro มีความละเอียดคมชัดขึ้น
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับไมโครโฟนระดับสตูดิโอถึง 4 ตัว บันทึกเสียงแบบ Spatial และสามารถผสมเสียงใหม่ตามรูปแบบต่าง ๆ ได้ หลังจากการบันทึกเสียงไปเรียบร้อยแล้ว
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max วางจำหน่ายใน 4 สี ไทเทเนียมดำ ไทเทเนียมธรรมชาติ ไทเทเนียมขาว และไทเทเนียมทะเลทราย ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB
- iPhone 16 Pro
- 128GB – 39,900 บาท
- 256GB – 43,900 บาท
- 512GB – 51,900 บาท
- 1TB – 59,900 บาท
- iPhone 16 Pro Max
- 256GB – 48,900 บาท
- 512GB – 56,900 บาท
- 1TB – 64,900 บาท
โดย iPhone 16 ทั้ง 4 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ iOS 18.1 ที่เตรียมจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้กันในสัปดาห์หน้า พร้อมเปิดให้ผู้ใช้ iPhone 15 Pro, iPhone 16 และ iPhone 16 Pro ได้ทดลองใช้ Apple Intelligence แบบฟรี ๆ
ทั้ง iPhone 16, iPhone 16 Plus, iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ในวันที่ 13 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 19.00 น. และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กันยายนนี้